sandara

ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Blognone
Bookmark and Share

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปุจฉา? คุณจะเรียกร้องความเป็นธรรมได้อย่างไร หากยังลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองไม่ได้

วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12:58:40 น.  มติชนออนไลน์



ปุจฉา? คุณจะเรียกร้องความเป็นธรรมได้อย่างไร หากยังลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองไม่ได้ 

ภาพ "The Rape of the Daughters of Leucippus" โดยSir Peter Paul Rubens


เสียงเรียกร้องของ "เหยื่อ" ผู้พิการซ้ำซ้อน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1256623298&grpid=no&catid=02
จากข่าวพาดหัว "ถูกข่มขืนจนท้อง สาวพิการ บอด-ใบ้ไร้ทางสู้" ใครได้ฟังข่าวนี้ก็มีแต่ความสลดใจ ว่าเหตุใดหนอชีวิตที่เกิดมาไม่สมประกอบแล้ว ยังถูกกระทำซ้ำเติมจาก "เดนมนุษย์" ให้รับเคราะห์กรรมเพิ่มขึ้นอีก

และหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบว่า ผู้ ลงมือกระทำล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดเหยื่อทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น หลานชายของแม่, แฟนพี่ชาย (เป็นคู่รักร่วมเพศของพี่ชาย) โดยมีพี่ชายแท้ๆ ยินยอมให้แฟนข่มขืนน้องสาวผู้พิการโดยไม่อิดออด ยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้รับทราบเป็นอย่างยิ่ง

จากกรณีนี้ องค์การคนพิการสากลประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (DPI/AP) จึงเกิดแนวคิดที่ว่า หากผู้เสียหายที่ถูกกระทำเป็นผู้พิการแล้ว ควรที่จะเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดมากขึ้นไปอีก เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำซ้ำเติมบุคคลที่ไร้ทางสู้ทั้งสภาพทางร่างกายและสติปัญญา เช่น การเพิ่มวรรคต่อไป ว่าถ้าผู้ใดข่มขืนหญิงอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงพิการ ผู้หญิงที่อยู่ในสถานะยากลำบากไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง ต้องได้รับโทษเป็น สองเท่า

หรือมีการกำหนดให้การข่มขืนคนพิการต้องให้คดีเป็นของรัฐ และรัฐสามารถฟ้องแทนได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีบางกรณีที่ครอบครัวเหยื่อไม่ต้องการตกเป็นข่าวจึงปิดบังเรื่องเอาไว้

ในขณะเดียวกัน องค์การคนพิการสากลฯ ยังตำหนิสื่อว่าที่ ผ่านมามักจะเสนอข่าวลักษณะนี้ในเชิงการขายข่าวมากเกินไป มีการเลือกใช้ถ้อยคำที่สร้างความสะเทือนใจให้ผู้อ่าน บางครั้งก็ใช้คำซ้ำเติมเหยื่อ โดยไม่สนใจที่จะนำเสนอในมิติอื่นๆ เช่น เหตุที่มาที่ไป สภาพของครอบครัวเหยื่อที่รุมเร้า หรือหลังจากนี้ต่อไปชีวิตของผู้ถูกกระทำและครอบครัวจะเป็นอย่างไร

ส่วนในแง่ภาคสังคมแล้ว ประเทศไทยยังขาดกลไก ทางเลือกในการสนับสนุนและให้ความรู้กับครอบครัวที่มีลูกพิการ  เด็กพิการ และชุมชน ในประเด็นการพัฒนาการตามวัยอันสมควรซึ่งจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องเรียนรู้และ ฝึกหัดการวางแผน เช่น เด็กพิการควรได้รับการเรียนรู้การพัฒนาการด้านสรีระ และจิตใจเมื่อถึงวัยเปลี่ยนผ่าน

จากประเด็นนี้ องค์การคนพิการสากลฯ จึงเสนอแนะว่าในส่วนภาครัฐควรสร้างกลไกเพื่อสนับสนุน การให้ความรู้และฝึกผู้หญิงพิการและผู้เกี่ยวข้องเรื่องประเด็นพัฒนาการ (Development  issues) เช่น ศูนย์การส่งเสริมศักยภาพผู้หญิงพิการ โดยร่วมมือกับองค์กรคนพิการ และควรทำให้ปัญหาความรุนแรงและล่วงละเมิดทางเพศ เป็นวาระแห่งชาติ

ส่วนเรื่องทางคดีนั้น เห็นว่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจ พนักงานสืบสวนสอบสวนควรมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับองค์กรคนพิการ เช่น ร่วมกันจัดการอบรมเรื่องความเสมภาคคนพิการ เพื่อทบทวนทัศนคติต่อความพิการ กระบวนการยุติธรรมต้องมีกลไกทางเลือกเพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงพิการสามารถ เข้าถึงได้

ขั้นตอนการสืบสวน สอบสวน ต้องหยืดหยุ่น และคำนึงถึงสภาพความพิการ เช่น พนักงานสอบสวนสามารถเปลี่ยนจากบันทึกดูผู้ต้องหา มาเป็นบันทึกการคลำตัวและฟังเสียงผู้ต้องหา ในกรณีผู้เสียหายเป็นคนตาบอด คนพิการสามารถเป็นพยานให้กับตัวเองได้ เช่น หญิงพิการสติปัญญาถูกลวนลามทางเพศ และสามารถจดจำผู้กระทำได้  พนักงานสอบสวนต้องเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายชี้แจง

ในแง่ของสื่อสารมวลชนนั้น สื่อควรนำเสนอ ข้อมูลสองด้านเพื่อนำเสนอรากเหง้าของปัญหาและเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาร่วม กัน และเรียนรู้เรื่องความพิการ อบรมความเสมอภาคคนพิการ

หากทั้งหมดนี้ทำได้จริง ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ช้าความยุติธรรมที่แม้แต่ตัวผู้เสียหายเองจะเรียก ร้องเพื่อตัวเองก็ไม่ได้นั้น ในที่สุดก็จะได้รับความเป็นธรรมคืนมาแน่นอน



--
Web link
http://www.edtguide.com/SuanplooThaiMassage_486629
http://www.victam.com/
http://www.cloudbookclub.com/about.htm
http://weblogcamp2009.blogspot.com/
http://www.niwatkongpien.com/
http://sundara21.blogspot.com/
http://www.educationatclick.com/
http://www.pwdom.com/v1/
http://cloudbookclub.blogspot.com/
http://blogok09.blogspot.com/
http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049
http://www.ias.chula.ac.th/Thai/modules.php?name=NuCalendar

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สวาท ประมูลศิลป์ กระทบไหล่ผู้นำอาเซียน

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11554 มติชนรายวัน


สวาท ประมูลศิลป์ กระทบไหล่ผู้นำอาเซียน


คอลัมน์ คนตามข่าว

โดย ดุษฎี สนเทศ




เวที คู่ขนานของการประชุมสุดยอดอาเซียนภายใต้ชื่องาน "มหกรรมประชาชนอาเซียน" ที่โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แทบไม่ได้รับความใส่ใจจากภาครัฐเลย แม้กระทั่งตัวแทนที่ผู้จัดงานเพียรทาบทามให้มาร่วมเวที ต่างก็ไม่มาตามนัดเป็นทิวแถว ทั้งๆ ที่ตกปากรับคำไว้แล้ว

แต่ถึง อย่างไรการคัดเลือกตัวแทนภาคประชาชนอาเซียน 10 คน ที่เข้าพบผู้นำอาเซียนก็ผ่านไปได้ด้วยดี ในส่วนของประเทศไทยพร้อมใจกันเลือก "ป้าหวาด" หรือ น.ส.สวาท ประมูลศิลป์ ประธานสมาคมเพื่อความก้าวหน้าอาชีพคนตาบอดประเทศไทย เป็นตัวแทน

ป้า หวาดเป็นชาววิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พิการทางสายตาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ หลังเรียนจบโรงเรียนสอนคนตาบอดแล้ว เข้าทำงานเป็นเลขานุการที่ปรึกษากงสุลอเมริกาประจำ จ.อุดรธานี ทำให้ใช้ภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว กระทั้งไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียอีก 2 ปี จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ

เรียนจบแล้วกลับมาเป็นครูสอนภาษา อังกฤษในหลายแห่ง พร้อมจัดรายการวิทยุชุมชนด้วย ขณะเดียวกันได้ช่วยเหลือกิจกรรมในองค์กรของคนตาบอดหลายแห่งมาโดยตลอด

"ดีใจ ที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย เพราะได้เรียกร้องมาโดยตลอดว่าที่ประชุมผู้นำอาเซียนควรเปิดโอกาสให้คนพิการ ได้เข้าไปพบปะหารือบ้าง" ป้าหวาดเล่าความรู้สึก

แม้มองไม่เห็น แต่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552 ป้าหวาดได้ทำหน้าที่ตัวแทนภาคประชาชนของไทยในการเข้าพบบรรดาผู้นำอาเซียนได้ อย่างเข้มแข็งและน่าภาคภูมิใจ


หน้า 3

[ThaiEMP] Consumer Health Informatics Applications Can Improve Health Care Processes


 
Please visit blog.Thanks for visiting!
http://www.parent-youth.net
http://www.thaihof.org
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://elibrary.nfe.go.th
http://ilaw.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://icann-ncuc.ning.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.industry4u.com
http://logistics.dpim.go.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://www.think.co.th/idea/?p=151


 
From: Surajit Suntorntham <surajitsun@gmail.com>
To: thaiemp <thaiemp@googlegroups.com>
Sent: Sat, October 24, 2009 8:23:08 AM
Subject: [ThaiEMP] Consumer Health Informatics Applications Can Improve Health Care Processes

New Evidence Report Shows Consumer Health Informatics Applications Can Improve Health Care Processes 
 
AHRQ released a new evidence report, Impact of Consumer Health Informatics Applications, which found that consumer health informatics applications can help improve health care processes, such as medication adherence. 
 
These applications are defined as patient-focused electronic tools to support health improvement, process outcomes, and patient-centered care. The benefits of using such applications apply to a variety of clinical conditions, including cancer, smoking, diabetes mellitus, physical activity, and mental health disorders. The report also identified important knowledge gaps in the new and emerging field of consumer health informatics. 
 
Researchers, led by M. Christopher Gibbons, M.D., M.P.H., at AHRQ's Johns Hopkins University Evidence-based Practice Center, concluded that while the applications offer significant promise and potential to positively impact select clinical outcomes, more research is needed to determine conclusions on impact in many areas. 
 
Select to access the report http://www.ahrq.gov/clinic/tp/chiapptp.htm. 

--
นายแพทย์สุรจิต สุนทรธรรม

--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
* ท่านได้รับข้อความนี้จากกลุ่มสานเสวนา "ผู้สร้างสรรค์ระบบสุขภาพไทยและผู้ปฏิบัติการฉุกเฉิน"

กรณีท่านไม่ประสงค์รับข้อความจากกลุ่มอีกต่อไป กรุณา click link => http://groups.google.co.th/group/thaiemp/subscribe

กรณีต้องการอ่านการสานเสวนาย้อนหลัง โปรดไปที่กลุ่มสานเสวนานี้โดยคลิกที่
http://groups.google.co.th/group/thaiemp?hl=th หรือ http://groups.google.co.th/group/thaiemp/topics

กรณีต้องการเสนอหัวเรื่องใหม่ กรุณาส่งอีเมลไปที่ thaiemp@googlegroups.com

กรณีที่ท่านเห็นสมควรเรียนเชิญบุคคลเข้าร่วมกลุ่มสานเสวนานี้ กรุณาเรียนเชิญให้เข้าไปที่ http://groups.google.co.th/group/thaiemp แล้วเลือก "เข้าร่วมกลุ่มนี้" ในเมนูด้านขวามือครับ
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---


วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

ฮือฮา คนแคระจีนสร้างหมู่บ้านตัวเอง หนีปัญหาถูกคนปกติคอยรังเกียจ


วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 14:00:58 น.  มติชนออนไลน์

ฮือฮา คนแคระจีนสร้างหมู่บ้านตัวเอง หนีปัญหาถูกคนปกติคอยรังเกียจ 
 


 

คนแคระจีนเจ๋งสร้างชุมชนหมู่บ้านของตัวเอง หนีปัญหาถูกคนทั่วไปรังเกียจ จนเกิดกระแสฮิตกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเหล่าคนแคระแห่"แต่งบ้าน-แต่งกาย"เป็นตัวละครในนิยาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่า คนแคระจีนได้สร้างหมู่บ้านชุมชนคนแคระของตัวเอง ในเมืองคุนหมิง ทางตอนใต้ของประเทศจีน เพื่อหนีปัญหาถูกคนปกติธรรมดาทั่วไปคอยรังเกียจ มีประชากรราว 120 คน แต่ละคนมีขนาดความสูงไม่ถึง 4 ฟุต 3 นิ้ว โดยคนแคระเหล่านี้ยังได้จัดตั้งกฎเกณฑ์ของพวกเขาขึ้นมา เช่น การตั้งหน่วยตำรวจ และหน่วยยิงกระสุน

 

ขณะที่หมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว เมื่อชุมชนคนแคระได้สร้างบ้านพวกเขาเป็นบ้านเห็ด และแต่งกายเหมือนคนแคระในนิยาย

 

ด้านโฆษกคนแคระบอกว่า "ปกติแล้ว คนตัวเล็กจะถูกคนตัวโตกลั่นแกล้งอยู่บ่อย ๆ แต่ที่นี่จะไม่มีคนตัวโต และเราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือชุมชนคนแคระของเราเอง


-- http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1254294103&grpid=01&catid=
http://www.kmutnb.ac.th/index.htm
http://www.ecitthai.net
http://www.tourismthailand.org/seminar/
http://www.thaihotels.org/
http://www.tuasso.com/scripts/tua.asp
http://www.bangkokfilm.org
http://www.lek-prapai.org/
http://www.paper4trees.org/index1.htm

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ไฟเขียวคนพิการเรียนอาชีวะฟรี

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11517 มติชนรายวัน


ไฟเขียวคนพิการเรียนอาชีวะฟรี




นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาสำหรับคนพิการว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ผู้พิการเรียนฟรีในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้น สูง (ปวส.) และประกาศนียบัตรเทคนิคครูชั้นสูง (ปทส.) ซึ่งเทียบเท่าปริญญาตรี และระดับปริญญาตรีในสถาบันการอาชีวศึกษา เพิ่มเติมจากมติเดิมที่ ศธ.ได้ประกาศให้ผู้พิการสามารถเรียนฟรีในมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี และได้ออกระเบียบรองรับแล้วในส่วนนี้ โดยจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเรียนทั้งหมด ได้แก่ ค่าเล่าเรียน ค่าบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายทางการศึกษาอื่นๆ ตามที่จ่ายจริง ทั้งนี้ วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กว่า 400 แห่งทั่วประเทศ จะต้องจัดทำแผนการรับผู้เรียนเข้าเรียนให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันก่อนเปิดภาคเรียนในทุกปีการศึกษา และนำเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาสำหรับคนพิการเห็นชอบ โดยจะเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 ระดับ ปวส.จะเปิดรับคนพิการเข้าเรียนใน 9 ประเภทวิชา ได้แก่ อุตสาหกรรม บริหารธุรกิจ คหกรรม ศิลปกรรม เกษตรกรรม อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมสิ่งทอ ประมง และเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วน ปทส.ให้เปิดตามความพร้อมของเครื่องใช้เครื่องมือของแต่ละสถาบัน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้กำชับว่าในส่วนของระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ซึ่งจัดให้เรียนฟรีตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพอยู่แล้วนั้น ทุกวิทยาลัยจะปฏิเสธการรับผู้พิการเข้าเรียนไม่ได้

"ที่ประชุมยัง อนุมัติให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการจัดตั้งและพัฒนาการศึกษาในศูนย์การเรียน เฉพาะความพิการ มีปลัด ศธ.เป็นประธาน เพื่อจัดทำรายละเอียดแผนการจัดตั้งศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการให้แล้วเสร็จ ภายใน 2 เดือน ก่อนเสนอที่ประชุมเห็นชอบ สำหรับศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ จะเป็นหน่วยส่งเสริมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการศึกษาสำหรับผู้พิการได้ ทั้งรูปแบบการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ตั้งแต่ระดับปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวะ ปริญญาตรี รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น" นายจุรินทร์กล่าว


หน้า 23

ทารกพิการแรกเกิดในจีนเพิ่มขึ้น สาเหตุจากแม่อายุมาก และสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11517 มติชนรายวัน


ทารกพิการแรกเกิดในจีนเพิ่มขึ้น สาเหตุจากแม่อายุมาก และสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ


คอลัมน์ ร่อนตามลม

โดย raikorn@hotmail.com




กรม สาธารณสุขกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า ตอนนี้ในหลายพื้นที่ของจีนมีอัตราการเกิดของทารกพิการตั้งแต่คลอดจากท้องแม่ เพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

เฉพาะที่กรุงปักกิ่ง เมื่อปีที่แล้วมีทารกพิการแรกคลอด 170 รายในทารกแรกเกิด 10,000 ราย เพิ่มขึ้นจากอัตราทารกพิการแรกเกิด 90 ราย จาก 10,000 ราย เมื่อปี พ.ศ.2540 โดยความพิการส่วนใหญ่ที่พบ เช่น หัวใจพิการ และทารกปากแหว่ง เพดานโหว่

หรือในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของจีน ก็มีตัวเลขทารกพิการแรกเกิดเพิ่มขึ้นจาก 183 รายต่อจำนวนทารกแรกเกิด 10,000 ราย เมื่อปี 2546 เป็น 249 รายต่อ 10,000 ราย เมื่อปี 2550

ที่ มณฑลเจ้อเจียง อัตราการเกิดของทารกพิการก็เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวระหว่างปี 2546-2550 จาก 115 รายต่อ 10,000 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 208 รายต่อ 10,000 ราย การอนามัยเจริญพันธุ์

เหริน อ้ายกั๋ว ผู้อำนวยการสถาบันการอนามัยเจริญพันธุ์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง บอกว่า ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้มีการตรวจพบทารกพิการแรกเกิดเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากเทคโนโลยีของอุปกรณ์การแพทย์ตามโรงพยาบาลในนครหลวงที่มี คุณภาพ สามารถตรวจหาโรคได้ดีขึ้น ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็มีทั้งปัจจัยเรื่องอายุของแม่ ที่ตั้งท้องตอนอายุเยอะแล้ว และรูปแบบการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป จากที่คนจีนสมัยก่อนเคยกินผัก ก็เปลี่ยนไปกินอาหารสำเร็จรูป อาหารที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงสำเร็จ กันมากขึ้นตามยุคสมัย หลังจากวัฒนธรรมตะวันตก และอาหารฟาสต์ฟู้ด หลั่งไหลเข้าไปหลังจากจีนเปิดประเทศ

ส่วนในพื้นที่ชนบทหลายแห่งของ จีน ซึ่งมีอัตราทารกพิการแรกเกิด "สูง" กว่าในกรุงปักกิ่งมากๆ สาเหตุใหญ่นั้นมาจากการขาดกรดโฟลิค หรือวิตามินบี 9 ในอาหาร ซึ่งวิตามินตัวนี้มีส่วนสำคัญที่จะไปช่วยร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดง โดยจะไปช่วยไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดง และควบคุมการทำงานของสมอง ดังนั้น การขาดกรดโฟลิคจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจนำไปสู่ความพิการของท่อระบบประสาท ที่สามารถนำไปสู่ความพิการที่กระดูกสันหลังและสมองของทารกในครรภ์ได้

ขณะ ที่ปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น โรคอ้วน เหล้า บุหรี่ และการติดเชื้อต่างๆ ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น แล้วก็ยังปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเหริน อ้ายกั๋ว บอกว่าน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง

"สารเคมีและมลพิษต่างๆ ที่แพร่กระจายอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพ่อแม่ ยังสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ด้วย"

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสถาบันการอนามัยเจริญพันธุ์ ก็ออกตัวด้วยว่า นี่เป็นความเชื่อหนึ่งของเขา แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการศึกษามาสนับสนุนว่ามลพิษต่างๆ ทางสิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของทารกพิการแรกเกิดในกรุงปักกิ่งหรือ ไม่?

ทั้งนี้ ในเว็บไซต์ทางการของกรมสาธารณสุขกรุงปักกิ่ง ได้พูดถึงภาพรวมของทารกพิการแรกเกิดทั้งหมดในจีนว่า ทุกทารกแรกเกิด 100 คน จะมีทารกพิการอยู่ราว 4-6 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขทารกพิการแรกเกิดในสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 3% หรือในทารกแรกเกิด 100 คน จะมีทารกพิการ 3 คน

ขณะที่ตัวเลขสถิติจาก องค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุกปีทั่วโลกมีทารกพิการเกิดขึ้นมากกว่า 7.9 ล้านคน หรือราว 6% โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยด้านพันธุกรรม และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม โดยความพิการที่พบมากที่สุดก็คือ หัวใจพิการ, ท่อระบบประสาทพิการ และทารกที่มีอาการดาวน์ซินโดรม หรือมีความพิการทางสติปัญญา

ในเว็บไซต์สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ที่หยิบรายงานนี้ไปลง ก็บอกว่า ประเด็นเรื่องการเพิ่มขึ้นของทารกพิการแรกเกิดในจีน อาจจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหานี้ ที่อาจจะมีกำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศและเป็นเรื่องน่าห่วง ทั้งจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมว่า มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ทั้งยังว่า น่าจะเป็นสัญญาณเตือนให้ประชาชนได้ระมัดระวังทั้งเรื่องมลพิษทางน้ำ อากาศ ดิน รวมทั้งเรื่องความเครียด ความเร่งรีบในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะคู่สามีภรรยาที่คิดอยากจะมีลูกสักคน ก็ต้องคิดถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ให้ดี


หน้า 25

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)ได้จัดเวทีอบรมพัฒนาศักยภาพให้กับทีมวิทยากรกระบวนการ


 



From: kwanruthai <kwanruthai@dpiap.org>
To: 
Sent: Friday, September 11, 2009 7:53:56 PM
Subject: สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)ได้จัดเวทีอบรมพัฒนาศักยภาพให้กับทีมวิทยากรกระบวนการ

 

เรียนทุกท่าน

เมื่อวันที่ ๑-๔ กย. ทาง สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)ได้จัดเวทีอบรมพัฒนาศักยภาพให้กับทีมวิทยากรกระบวนการ โดยมีทีมเยาวชนกทม ทีมคนตาบอด และทีมคนพิการทางร่างกาย โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม  ๒๑ คน  ประกอบด้วยทีมคนพิการตาบอด ๙ คน  ทีมคนพิการทางร่างกาย ๔ คน  และทีมเยาวชน ๘ คน จึงสรุปข้อมูลกิจกรรมส่งรายงานให้ทุกคนทราบ แต่ขออภัยที่จะส่งรายงานเป็นรายงานวันต่อวัน เนื่องจากกิจกรรมเนื้อหามีมากอาจทำให้ทุกคนไม่อยากอ่านค่ะ จึงขอส่งรายงานกิจกรรมในวันที่ ๑ มาก่อนค่ะ

ขอขอบคุณ  คุณอาภาณี  มิตรทอง สำหรับข้อมูล

 

 

ขออภัยหากอีเมลฉบับนี้เป็นการรบกวน หรือ ส่งซ้ำ

ขอบคุณค่ะ

ขวัญฤทัย  สว่างศรี

 

 

 

 

 

Best regards,

Ms.Kwanruthai  Savangsri

National Project Coordinator

 

**************************************************************

Disabled Peoples' International Asia-Pacific Region (DPI/AP)

92 Phaholyothin 5 Road, Samsennai, Phayathai Bangkok 10400 THAILAND

Tel: 66 (0)2 271-2123

Fax: 66 (0)2 271-2124

Email: kwanruthai@dpiap.org

Website: http://www.dpiap.org/

**************************************************************

 


รายการบล็อกของฉัน

ผู้ติดตาม

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com