ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Blognone
Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

รายงานพิเศษ : กรมสวัสดิการ "เฟ้นหาสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ"

รายงานพิเศษ : กรมสวัสดิการ "เฟ้นหาสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ"
ที่มา กรมประชาสัมพันธ์
 
การเฟ้นหาสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2552 ถือเป็นการต่อยอดในเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะมีวิธีการอย่างไร ติดตามจากรายงาน
นับเป็นความสำเร็จของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในการจัดประกวดสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน เนื่องจากได้รับการตอบรับอย่างดี จากผู้ประกอบกิจการ นายจ้าง ลูกจ้าง นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ที่เข้าร่วมสัมมนา เรื่อง "มาตรฐานแรงงานไทย เพื่อคุณภาพชีวิต ธุรกิจยั่งยืน" โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะจัดประกวดสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2552 เพื่อเสริมสร้างแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในสถานประกอบกิจการ ด้วยการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาทางด้านแรงงานให้ยุติลงด้วยระบบทวิภาคี ที่ต้องการกระตุ้นให้นายจ้างผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนารูปแบบและระบบการจัดสวัสดิการแรงงานในสถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น
นายอาทิตย์ อิสโม รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน บอกว่า จากการประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมการประกวดสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2552 มีจำนวนสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นกว่า 500 แห่ง คาดว่าโครงการนี้จะมีประโยชน์ต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
"การประกวดสถานประกอบการดีเด่น เพราะว่าถ้า 2 กลุ่มนี้คุยกันแล้ว เราเชื่อมั่นว่าปัญหาต่างๆ จะจบในโรงงาน ก็เลยประกวด ถ้าหากกิจการที่มีลูกจ้าง 50 คนขึ้นไป และมีกิจกรรมทำกันแล้วอยู่ด้วยกันดี ประสิทธิภาพในการทำงานดี ความสัมพันธ์ดี มีตัวชี้วัด 5-6 ตัวที่ชัดเจน มีผลงานเป็นรูปธรรมย้อนหลังไป 2 ปี เราจะให้รางวัล โดยมีคณะกรรมการไปตรวจ ปีนี้ทำมาครบ 5 ปี แล้วสถานประกอบการที่ได้รางวัลต่อเนื่องกันมา 5 ปี ให้รางวัลยอดเยี่ยม เพราะฉะนั้นปีนี้ก็จะเป็นปีพิเศษอีกปีหนึ่ง ส่วนคนที่ยังทำไม่ครบ 5 ปี ก็มีรางวัลดีเด่นประจำปีให้ไปตามขนาดของแต่ละสถานประกอบการ"
ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ส่งเสริมให้นายจ้างและลูกจ้างทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สำหรับหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของสถานประกอบกิจการที่เข้าร่วมการประกวด จะต้องปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ซึ่งสถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์การตัดสิน เป็นสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน จะได้รับรางวัลเป็นโล่เกียรติยศจากนายกรัฐมนตรี ในช่วงเดือนกันยายนนี้
 
                                 http://www2.nesac.go.th/document/show12.php?did=09060003


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

เพราะชีวิต...นับหนึ่งได้เสมอ


 

  

 
 
 
 
------------------------------------------------------------

--- On Sat, 5/30/09, pan เจนศิริบุญญา <saipan_7@hotmail.com> wrote:
From: pan เจนศิริบุญญา saipan_7@hotmail.com
Date: Saturday, May 30, 2009, 5:25 AM



เพราะชีวิต...นับหนึ่งได้เสมอ

บางช่วงเวลาของชีวิต เคยรู้สึกบ้างไหมว่า "ตัวเองกำลังประสบกับความล้มเหลว"
ถ้าเคย ... ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้ามีคำว่า "ความสำเร็จ" ก็ต้องมีคำว่า "ล้มเหลว"
เป็นของคู่กัน เพียงแต่ว่าคุณจะต้องรับกับสถานการณ์ความล้มเหลวแล้วลุกขึ้นสู้
อีกครั้งได้อย่างไร? ชีวิตนับหนึ่งได้ และเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ โดยยึดหลักง่าย ๆ
ไว้เตือนใจตัวเองว่า....

'๑' = ทำดีที่สุดแล้ว = '๑'
--------------------


คนที่ไม่เคยล้มเหลวคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย คนที่ประสบความล้มเหลว
คือคนที่น่ายกย่องมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ อย่ากลัวกับ
ความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น เพราะมันจะเป้นบทเรียนและประสบการณ์อันยิ่งใหญ่
ให้เราได้เรียนรู้ว่า หนทางแห่งความสำเร็จอยู่ตรงไหน ... อย่างไร?
ให้คิดเสียว่า ... "เราทำดีที่สุดแล้ว"

'๒' = อย่ายอมแพ้ = '๒'
------------------


ไม่มีใครจะแพ้ตลอด และไม่มีใครจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ฉะนั้น จงอย่ายอมแพ้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแพ้ใจตัวเอง ทุกครั้งที่คุณหกล้มหรือก้าวพลาด จงอย่า
ยอมแพ้ ให้ลุกขึ้นสู้และก้าวเดินต่อไปอย่างสง่างามอีกครั้ง แพ้อะไรก็แพ้ได้แต่
อย่าแพ้ใจตัวเองก็แล้วกัน เพราะถ้าเราแพ้ใจตัวเอง นั้นหมายถึงเราโดนน๊อคตั้งแต่
ยังไม่เริ่มชกแล้ว จงบอกกับตัวเองว่า หนทางแห่งชัยชนะยังรอคุณอยู่ข้างหน้า
ค่อย ๆ ตั้งสติ คิดอย่างมีสติ และรอบคอบ แล้วลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

'๓' = นับหนึ่งถึงร้อย = '๓'
--------------------


ทุกครั้งที่ท้อถอย หรือหมดกำลังใจ ก่อนจะเดินถอยหนี หยุดคิดสักนิด ลองนับ
หนึ่งถึงร้อยก่อน อย่าตัดปัญหาด้วยการทิ้งปัญหา และหันหลังเดินจากไป นั่นไม่ใช่
วิธีการแก้ปัญหาที่ดี เพราะปัญหามันยังคงหมักหมมอยู้ตรงนั้น จงบอกกับตัวเอง
ให้อดทน..อดทน...และอดทน รอวันเวลาและโอกาสที่จะมาถึง แล้วค่อย ๆ เดิน
หน้าสู้ต่อไป

'๔' = เหนื่อยนักก็พักก่อน = '๔'
--------------------------


วันนี้อาจจะเหนื่อย และท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีอย่าง
หนึ่งที่คอยเตือนให้เรารู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหยุดพักเสียบ้าง
หยุดพักเพื่อที่จะทบทวนกับปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หยุดพักเพื่อถอยออกมา
หนึ่งก้าว แล้วมองย้อนไปมองดูปัญหาในอีกมุมหนึ่ง บางที่อาจทำให้เรามองเห็น
ปัญหาในมุมที่กว้างขึ้น
การหยุดพักไม่ได้หมายถึงการทำให้เราต้องยอมแพ้ หรือถอยหลัง แต่การหยุด
พักจะทำให้เราได้ชาร์ทแบตเตอรี่ หรือเติมกำลังใจให้เข้มแข็งขึ้น และมีเรียวแรง
ที่จะสู้กับปัญหาต่อไป

'๕' = หยุดคิดเพื่อทบทวน = '๕'
-------------------------


การหยุดคิดเพื่อทบทวนจะทำให้เราแก้ปัญหาได้ดีขึ้น เพราะบางทีการหมกมุ่นอยู่
กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ อาจทำให้เรามองไม่เห็นปัญหา หรือวนอยู่กับปัญหานั้นซ้ำ ๆ
ซาก ๆ และถึงทางตันจนหาทางออกไมเจอ
อย่าลืมว่าในมุมมืดที่สุดก็ต้องมีมุมสว่างเล็ดลอดอยู่บ้าง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวน
แล้วเราจะค้นพบทางสว่างและหาทางออกเจอในที่สุด
๐ บางทีทางออกใหม่จะดีกว่าทางเดิมที่เราเคยเดินมาเสียอีก ๐



'๖' = โอกาสต้องเป็นของคุณ = '๖'
-----------------------------


วันนี้ ... เวลานี้ โอกาสอาจยังไม่เป็นของเรา แต่วันข้างหน้าโอกาสต้องเป็นของ
เราไม่ช้าก็เร็ว อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีเวลาอย่าเพียงพอที่จะเก็บเกี่ยวความรู้
ประสบการณ์ ความเชื่อมั่น และพลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคให้ประสบความสำเร็จ
ได้ต่อไป

'๗' = ต้องชนะ = '๗'
--------------


เมื่อเราเรียนรู้ที่จะแพ้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะชนะด้วย ชัยชนะอาจไม่ได้มาง่าย ๆ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะแพ้ตลอดไป "อย่ากลัวที่จะแพ้ และอย่าประมาท
กับชัยชนะที่จะมาถึง"
จงเรียนรู้จากบทเรียนของความพ่ายแพ้ และนำสิ่งนั้นมาเป็นหนทางสู้ต่อเพื่อให้ได้
มาซึ่งชัยชนะ เมื่อเราเคยแพ้ เรายิ่อมรู้ดีว่าวิธีที่จะนำมาซึ่งชัยชนะนั้นต้องทำ
อย่างไร? จงบอกกับตัวเองว่า เราจะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้

'๘' = กล้าที่จะฝัน = '๘'
-----------------


คนที่ไม่เคยมีความฝันคือคนที่ตายแล้ว ไม่ผิดที่ทุกคนจะฝัน เพราะมนุษย์ทุกคน
ย่อมมีความฝัน และฝันของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป
จงกล้าที่จะฝัน และทำสิ่งที่ท้าทายความฝันนั้น แต่อย่าทะเยอทะยานจนเกินความ
เป็นจริง จงก้าวทีละขั้น ก้าวช้า ๆ ก้าวอย่ามั่นใจ เพื่อทำให้ทุกความฝันของเรา
เป็นจริง

'๙' = คิดและวางแผน = '๙'
---------------------


จะถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เป็นไร แต่จงคิดและวางแผนของเราเสียแต่วันนี้บางทีความ
คิดของเราอาจจะเข้าทางใครสักคน หรือเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ อย่าดูถูกความคิดของ
ตัวเอง อย่าคิดว่าความคิดของเราเป็นเรื่องประหลาด บางทีความคิดประหลาดอาจ
เป็นความคิดที่เข้าท่าก็ได้
อย่าลืมว่า ความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในโลกมามากแล้ว
ลองคิดดัง ๆ แล้วบอกความคิดของเราให้คนรอบข้างได้รู้บ้าง บางทีความคิดดี ๆ
ของเราอาจจะเป็นของขวัญชิ้นโบว์แดงสำหรับโลกก็ได้ ใครจะรู้

'๑๐' = ไปให้ถึงเป้าหมาย = '๑๐'
-----------------------


มนุษย์ทุกคนต่างก็มุ่งไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จข้างหน้าด้วยกันทั้งนั้น จะไป
ได้ช้าหรือเร็วนั้น อยู่ที่วิธีการและแนวทางของแต่ละคน
กว่าจะถึงภูเขาที่สูงชันย่อมต้องเจอกับขวากหนามที่แหลมคม สติและสมาธีที่
มุ่งมั่นเท่านั้นที่จะทำให้เราเดินผ่านขวากหนามได้
ผู้ฉลาดเท่านั้นย่อมเรียนรู้ที่จะใช้ข้อผิดพลาดนั้นให้เป็นประโยชน์ และผู้ที่อดทน
เท่านั้นที่จะก้าวไปสู่ยอดเขาอันสูงชันได้
ยอดเขาสูงชัน ... ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่เราจะไม่เหน็บหนาวเพียงลำพัง ถ้าเราไม่
ลืมว่าบรรยากาศบนพื้นดินที่เคยเดินผ่านมานั้นเป็นอย่างไร

๐ ให้โอกาสและกำลังใจกับตัวเอง และจงบอกกับตัวเองเสมอว่า ๐

.......... ชีวิตนับหนึ่งได้เสมอ ..........




แบ่งปันรูปถ่ายกันอย่างง่ายดายด้วย Windows Live™ Photos ลากแล้วปล่อย



Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out.

ป้า"ซูซาน บอยด์"โชว์พลังเสียงสุดยอด แต่ไม่ถึงฝันได้แค่ที่ 2

วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 11:00:21 น.  มติชนออนไลน์

ป้า"ซูซาน บอยด์"โชว์พลังเสียงสุดยอด แต่ไม่ถึงฝันได้แค่ที่ 2 พ่ายกลุ่มนักเต้นใน"Britain Got talent"

เสียใจหลังพ่ายได้อันดับสอง

โฉมหน้ากลุ่มผู้ชนะเลิศ""ไดเวอร์ซิตี้"


ผลชนะเลิศ"Britain Got talent" ซูซาน บอยด์"โชว์การแสดงด้วยเสียงอย่างน่าทึ่ง กลับได้แค่ที่ 2 พ่ายให้กับกลุ่มนักเต้นรำ"ไดเวอร์ซิตี้" แต่คุณป้าโลกตะลึงไม่คว้ามือเปล่า เตรียมทำสัญญาออกอัลบั้มเดี่ยว

ซูซาน บอยด์   คุณป้าชาวอังกฤษ เชื้อสายสก็อตแลนด์ วัย 48 ปี   ผู้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในการร้องเพลงประกวดผ่านรายการ"Britain Got talent"ด้วยเพลง "I dreamed A dream" จนมีผู้นำภาพบันทึกการร้องเพลงในรอบคัดเลือกของเธอไปโพสต์ในเว๊ปไซต์ "ยูทูบ" ทำให้มีผู้ชมมากกว่า 220 ล้านคนทั่วโลก ได้คะแนนเป็นอันดับสองในการแข่งขันรอบสุดท้ายที่มีขึ้นที่กรุงลอนดอนเมื่อคืนวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเธอพ่ายให้กับกลุ่มนักเต้นรำตามท้องถนน ชื่อ "ไดเวอร์ซิตี้" ซึ่งแปลว่า"ความหลากหลาย"


สองพิธีกรรายการชื่อ" แอนท์ กับเดค" (Ant and Dec) กล่าวเปิดการแข่งขันรอบสุดท้าย หนึ่งในกรรมการคือ มอร์แกน อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ กล่าวชมว่าการแสดงของเธอยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบในการประกวดรายการนี้ และว่าเธอน่าจะได้เป็นผู้ชนะ เพราะเขาชอบการแสดงของเธอ


บอยด์ในชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินเทา ร้องเพลงเดิมที่มาจากละครเพลงเรื่อง"เลส์ มิเซราบล์ " ด้วยท่าทางสงบและร้องเพลงได้ดีมาก จนผู้ชมลุกขึ้นยืนปรบมือให้ แต่จากการลงคะแนนของสาธารณชน เธอกลับคว้าได้แค่อันดับสอง  บอยด์กล่าวว่า" คนที่ดีที่สุดคือผู้ชนะ" พร้อมกล่าวอวยพรกลุ่มผู้ชนะให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด  แม้ก่อนหน้าจะมีรายงานว่าเธอกำลังเครียดหนักจากแรงกดดันต่างๆ รวมทั้งจากเสียงวิจารณ์ตามสื่อต่างๆ ด้วยการมีเรื่องกับนักข่าว และการถอดใจจนเกือบจะเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปเมื่อวันพุธ

 

ก่อนหน้านี้ บรรดาบริษัทรับพนันพากันคาดว่าเธอจะเป็นผู้ชนะ นอกจากผู้ชนะจะได้แสดงหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระราชินีนารถอลิซาเบ็ธที่สองในรายการ"เดอะ รอแยล วาไลตี้ โชว์"ยังจะได้เช็คมูลค่า 100,000 ปอนด์ (ราว 5,400,000 บาท)ด้วย บอยด์มีคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศอีก 9 คน รวมทั้งชาลีน จาฟาร์โกลี เด็กหญิงวัย 12 ขวบ ผู้ร้องเพลงโซล ,จอห์น เนล และ แซลลี่ แล็กซ์ สองนักร้องคู่ดูโอปู่กับหลาน และ จูเลียน สมิธ นักเป่าแซ็กโซโฟน หรือทีมเต้นตลก 2 คน ที่สวมกระโปรงและถอดเสื้อเต้น

 

รายงานกล่าวว่า ภายหลังทราบผลประกาศชนะเลิศ ป้าบอยด์ได้กล่าวชื่นชมต่อกลุ่ม"ไดเวอร์ซิตี้"ผู้ชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม คาดว่า แม้ว่าเธอจะพ่ายแพ้ได้อันดับสอง ไปไม่ถึงฝันชนะรายการ"Britain Got talent"แต่คาดกันอย่างกว้างขวางว่า เธอจะได้ทำสัญญาออกอัลบั้ม จากกระแสชื่อเสียงที่เธอที่ดังกระหึ่มไปทั่วโลก


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1243733694&grpid=01&catid=06

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ก.ไอซีที จับมือ วิศวฯ จุฬาฯ จัดทำเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ

ก.ไอซีที จับมือ วิศวฯ จุฬาฯ จัดทำเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จับมือคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งเสริมและต่อยอดเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ภายใต้โครงการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วย ICT
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ร่วมมือคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งเสริมและต่อยอดการคิดค้นและประดิษฐ์ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ ภายใต้โครงการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วย ICT โดยเทคโนโลยีสิ่งประดิษฐ์เพื่อผู้พิการที่กระทรวงไอวีทีให้การสนับสนุนจัดทำขึ้นนั้น มีทั้งเพื่อการเรียนรู้ด้านวิชาการและความบันเทิง อาทิ ระบบสอนผู้พิการทางสายตาเขียนหนังสือ ที่ช่วยสอนผู้พิการทางสายตาเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการทางเสียงสองมิติ ซึ่งประโยชน์ที่ผู้พิการจะได้รับ เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การเขียนรายละเอียดหรือประวัติส่วนตัว โปรแกรมอ่านหนังสือและสร้างหนังสือเสียงเพื่อผู้บกพร่องทางการมองเห็น ทำให้ผู้พิการสามารถอ่านหนังสือต่าง ๆ ได้กว้างขวาง เพิ่มพูนความรู้มากขึ้น โปรแกรมการแปลงอักขระภาษาอังกฤษให้เป็นเสียงพูดภาษาไทย จะช่วยให้ผู้พิการเข้าถึงการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในอีกรูปแบบที่เป็นต้นฉบับภาษาที่แท้จริง และเกมด้านความบันเทิงสำหรับผู้พิการทางการมองเห็นที่มีชื่อว่า Hand Dances ซึ่งจะควบคุมการเล่นผ่านรีโมทคอนโทรลและมีเสียงประกอบขณะเล่นเกม เพื่อการฝึกสมาธิ การฟัง และการแยกแยะเสียงจากแต่ละเกม ตลอดจนเสียงเพลงประกอบที่ทำให้ผู้พิการได้ผ่อนคลายอีกด้วย
ทั้งนี้ โปรแกรมเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ อยู่ระหว่างการพัฒนาให้สามารถใช้ในระบบออนไลน์ได้ เพื่อนำไปเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์สู่ผู้พิการทั่วประเทศได้

http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255205280252&tb=N255205&return=ok&news_headline=ก.ไอซีที%20จับมือ%20วิศวฯ%20จุฬาฯ%20จัดทำเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ

เกียร์อัตโนมัติ ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี

 

Pic_8862

ผู้ผลิตรถแทบทุกค่าย ต่างพากันใส่เกียร์อัตโนมัติไว้ให้เป็นทางเลือกของลูกค้า ที่ใช้งานส่วนใหญ่ในเมืองที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น ทำให้การขับขี่มีความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากเท้าซ้ายไม่ต้องคอยเหยียบครัชให้วุ่นวายอีกต่อไป เรามาดูวิธีการขับขี่เกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อเกียร์และกระเป๋าของท่านกันดีกว่าครับ

1)การขับรถเกียร์ออโต้โดยทั่วๆไป ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เทคนิคพิเศษแบบนักแข่งรถ ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียวในการเหยียบคันเร่งเบรค ไม่ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรค

2) สำหรับท่านที่เพิ่งจะเริ่มขับรถ พยายามเบรคด้วยเท้าขวาเท่านั้น และเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตารท์รถ เพื่อป้องกันอันตรายถึงแม้ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่ง(P)หรือ(N)ก็ตาม และเหยียบเบรคทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ว่าง( N ) หรือเกียร์จอด (P) ไปเป็นเกียร์เดินหน้า (D) หรือเกียร์ถอยหลัง (R) จำไว้ให้ขึ้นใจครับ รถหยุดนิ่ง เหยียบเบรคก่อนทุกครั้งก่อนขยับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ครับ

3) ถ้าท่านเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่งเดินหน้า (D) ไปเป็นตำแหน่งถอยหลัง (R) หรือเปลี่ยนจากตำแหน่งถอยหลัง (R) ไปเป็นตำแหน่งเดินหน้า (D) ควรให้รถหยุดสนิทให้เรียบร้อยก่อน หลายท่านขับแบบใจร้อนและผิดวิธี รถยังคงเคลื่อนที่อยู่ก็รีบเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ จะทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้น อย่าลืมว่า ค่าซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ในรถยนต์บางรุ่นมีราคาสูงมาก



4) ขณะที่รถวิ่งอยู่ไม่ควรเข้าเกียร์ตำแหน่ง (N)  เช่นเห็นไฟแดงข้างหน้าแต่ยังอีกไกล กลัวว่าจะไม่ประหยัดน้ำมัน ท่านจึงเข้าเกียร์ในตำแหน่ง (N) และปล่อยให้รถไหลไปจนถึงไฟแดง รถแทบทุกรุ่นในยุคปัจจุบันใช้ระบบหัวฉีดควบคุด้วยสมองกลที่ทันสมัย การจ่ายเชื้อเพลิงขึ้นตรงกับลิ้นปีกผีเสื้อ  ถ้าท่านยกเท้าออกจากคันเร่งลิ้นปีกผีเสื้อก็จะปิดทันที เซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อจะรายงานกล่องสมองกลที่ควบคุมระบบการจ่ายเชื้อเพลิงให้หยุดทำการจ่ายน้ำมันทันที ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปลดเกียร์ว่าง (N) แต่อย่างใด และยังเป็นผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเกียรืของท่านอีกด้วย เนื่องจากรถยนต์ในขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เกียร์ที่อยู่ในตำแหน่ง(D) จะมีปั้มแรงดันสูง ส่งน้ำมันเกียร์เข้าไปหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา
แต่ปั้มน้ำมันของเกียร์อัตโนมัติจะทำงานน้อยลงเมื่อเกียร์ อยู่ในตำแหน่ง (N) เมื่อไม่มีแรงดันที่พอเพียงจะดันน้ำมันไปหล่อลื่นเกียร์อย่างเพียงพอ จะทำให้เกียร์ออโต้ของท่านร้อน และเกิดการสึกหรอเสียหายตามมา และด้วยสาเหตุนี้เองเวลารถที่ใช้เกียร์ออโต้เสียและจำเป็นต้องลากไปอู่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อช่วยลดความร้อนของเกียร์ขณะที่ทำการลากจูง หรือถ้าหาน้ำมันเกียร์มาเติมไม่ได้ ควรยกให้ล้อที่ใช้ขับเคลื่อนให้ลอยพ้นพื้นถนนเนื่องจากระบบปั้มน้ำมันเพาว์เวอร์ของระบบเกียร์อัตโนมัติหยุดทำงาน ไม่แนะนำให้ถอดเพลาสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลังเพระยุ่งยากและเสียเวลามากครับ

ปัจจุบันนี้มีรถยก6ล้อแบบสไลด์ออนสามารถนำรถทั้งคันขึ้นไปไว้บนกระบะหลัง สะดวกสบายและปลอดภัยต่อเกียร์อัตโนมัติและรถยนต์ราคาแพงของท่านครับ

5) การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ 2 ต้องระมัดระวังเนื่องจากตำแหน่ง 2จะมีอัตตราทดเฉพาะเกียร์1และ2
ซึ่งบริษัทผู้ผลิตต้องการทำให้ท่านเจ้าของรถใช้งานในกรณีที่ต้องการแรงบิดมากๆเช่นทางขึ้นเนินที่ค่อนข้างชัน หรือต้องการการหน่วงความเร็วของรถเอาไว้เช่นในขณะที่ขับรถลงเนินเขา(ENGINE BRAKE) หรือวิ่งบนเส้นทางที่คดเคี้ยว ลาดชันมากๆ ห้ามใช้ตำแหน่งเกียร์2ในขณะที่ท่านขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องสูงตามไปด้วย จนเกินขีดจำกัดและก่อให้เกิดความเสียหาย และอาจลื่นไถลเนื่องจากเกิดแรงบิดมหาศาลมากระทำที่ล้อ ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ครับ

6) ไม่ควรขับลากเกียร์ โดยทั่วไปการขับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ (D) ระบบสมองกลที่ควบคุมเกียร์จะทำการสั่งงานให้ปรับเปลี่ยนเกียรให้ขึ้นลงตามความเหมาะสมและความเร็วของรถอยู่ตลอดเวลา บางท่านรู้มากใช้วิธีเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์โดยการเลื่อนคันเกียร์ขึ้นลงเองในขณะที่รอบเครื่องทำงานสูงสุดเพียงเพื่อหวังผลทางด้านอัตราเร่งแต่จะมีผลทำให้ผ้าคลัทช์ และระบบทอกค์คอนเวอร์เตอร์เกิดการสึกหรอเสียหาย และทำให้มีอายุการใช้งานของเกียร์อัตโนมัติสั้นลง

7) ไม่ขับแบบเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเอง(คิกดาวน์)บ่อยๆ  การขับในตำแหน่ง (D)ระบบสมองกลควบคุมเกียร์จะทำการคำนวนค่าของแรงต่างๆและปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ตามความเร็วของรถในขณะนั้นตลอดเวลาอยู่แล้ว การกดคันเร่งเพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำหรือที่เรียกว่าคิกดาวน์ ไม่ควรทำบ่อยครั้ง หรือทำเท่าที่จำเป็นในการเร่งแซงให้พ้นเท่านั้น ถ้าท่านทำบ่อยๆ ผ้าคลัทช์ของเกียร์จะทำงานหนักและสึกหรอเร็วมากขึ้นครับ

8) ควรมีสายพ่วงแบตตารี่ติดท้ายรถไว้ตลอดเวลา เนื่องจากรถยนต์เกียร์อัตโนมัติไม่สามารถเข็นด้วยความเร็วต่ำแล้วกระตุกสตารท์ให้ติดเครื่องยนต์ได้เหมือนรถยนต์เกียร์ธรรมดา การเข็นรถเกียร์อัตโนมัติแล้วใช้วิธีกระตุกสตารท์ ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 20กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเข็นด้วยแรงคนเป็นไปได้ยาก และยังเสี่ยงกับความเสียหายต่อเกียร์ในขณะที่ทำการเข็นหรือลากอีกด้วย ควรตรวจสอบแบตตารี่ให้มีไฟพอเพียงต่อการสตารท์ทุกครั้งครับ

9) น้ำมันเกียร์อัตโนมัติหัวใจของการหล่อลื่นและยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถท่านให้ยาวนาน จึงควรเอาใจใส่ตรวจสอบบ่อยๆ การตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัดกำหนดหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางทีแนะนำ ไม่มีเกียร์อัตโนมัติใดไม่ต้องการการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งานของรถตามที่มีหลายๆบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โฆษณาชวนเชื่อให้รถยนต์ของตนดูทนทานและแข็งแรงตามความเป็นจริงจากสภาพการจราจร อุณภูมิ และสภาพการขับขี่ เกียร์อัตโนมัติทุกยี่ห้อยังต้องการการดูแลแปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่ใช้ครับ

10) ตำแหน่งในเกียร์อัตโมติ



P)PARKING-เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ใช้จอดในลักษณะเป็นที่เป็นทางไม่จอดขวางทางรถคันอื่นแล้วใส่ตำแหน่งเกียร์นี้ไว้
หรือจอดในทางที่มีลักษณะลาดชัน และใช้ในตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์

R) REVERSE-เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง เหยียบเบรคทุกครั้งที่จะเข้าเกียร์ในตำแหน่งนี้  

N) NEUTRAL-เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้ในการตัดกำลังของเครื่องยนต์ที่ส่งลงมาสู่เกียร์ และใช้เป็นตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์

D) DRIVE-เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้าและใช้ในการขับขี่ตามปกติ
โดยตำแหน่งเกียร์จะปรับเปลี่ยนเองตามคำสั่งของสมองกลที่ควบคุม
ยกเว้นรถยนต์บางรุ่นที่มีสวิทช์ปรับเปลี่ยนระบบเกียร์และผู้ใช้เปิดสวิทช์เพื่อใช้งานในการปรับตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง

2) เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้า แต่จะมีอยู่แค่ เกียร์1และเกียร์2อยู่ในตำแหน่งนี้
ใช้เพื่อขับขึ้นลงทางที่มีเนินสูงชัน ทางที่คดเคี้ยวไปมา ที่ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้

1) LOW-เกียร์ในตำแหน่งนี้ มีเพียงเกียร์1 เท่านั้น ใช้สำหรับงานหนักที่ต้องการกำลัง หรือรถติดหล่ม หรือทางขึ้น ลงเขาที่ชันมาก

ขอให้สนุกกับการขับรถเกียร์อัตโนมัติทุกท่านครับ


M R. BLACK

http://www.thairath.co.th/content/life/8862

ไอซีทีปรับโฉมเว็บTWCAG09ให้เข้าถึงทุกคน

Pic_9244

ตระหนักถึงความเสมอภาค หวังลดช่องว่างและเกิดความเท่าเทียมทางสังคม เน้นปรับปรุงควบพัฒนาเว็บไซต์ให้ผู้พิการทางสายตาเข้าถึงได้ พร้อมผุด 10 ล้านบาท หนุนซอฟต์แวร์เพื่อผู้พิการ มอบศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน 40 แห่ง ทั่วประเทศ...

นายอังสุมาล ศุนาลัย รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา เรื่องก้าวทันโลก Web Accessibility TWCAG 2009 กับ MICT วานนี้(28พ.ค.) ว่า การจัดทำโครงการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วยไอซีที เพื่อผลักดันให้เกิดแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ที่เข้าถึงทุกคน ขณะเดียวกัน เล็งเห็นความสำคัญเรื่องสิทธิและความเสมอภาคที่เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดช่องว่างทางสังคม ทั้งนี้ ได้เพิ่มเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐให้ทุกคนเข้าถึงได้ รวมถึงรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้พิการ และผู้สูงอายุ โดยออกแบบเว็บไซต์เป็นสากล เรียกว่า ยูนิเวิร์ลซัล ดีไซน์ (Universal Design) 

นางทรงพร โกมลสุรเดช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์มาก ทั้งการจัดทำแผนการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วยไอซีที พ.ศ.2551-2553 เพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงองค์ความรู้ สารสนเทศ และการสื่อสาร และจัดทำแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้

ผอ.สำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวต่อว่า การปรับปรุง Thai Web Content Accessibility Guidelines 2008 ให้เป็น Thai Web Content Accessibility Guidelines 2009 หรือ TWCAG 2009 เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทั้งนี้ ปี 2551 ที่ผ่านมา มีหน่วยงานภาครัฐ 3 ราย ประกอบด้วย สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดกิจกรรมสนับสนุน โดยเน้นการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ผู้พิการทางสายตาเข้าถึงได้  อันเป็นแนวทางพัฒนาสังคมให้เกิดความเท่าเทียม

นางสมศรี หอกันยา ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาคลังความรู้ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ปี 2552 กระทรวงไอซีที ให้งบประมาณดำเนินโครงการดังกล่าวจำนวน 5 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 กิจกรรม ได้แก่ อบรมผู้พัฒนาเว็บไซต์และผู้ด้อยโอกาส และจัดทำเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐให้เป็นเว็บที่ทุกคนเข้าถึงได้ ขณะเดียวกัน สนับสนุนงบจำนวน 10 ล้านบาท พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อผู้พิการ แก่โครงการติดตั้งครุภัณฑ์สำหรับผู้พิการทางสายตาเพื่อมอบให้ศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน จำนวน 40 แห่งทั่วประเทศด้วย
 
http://www.thairath.co.th/content/tech/9244



What can you do with the new Windows Live? Find out

“หมอ-พยาบาล” กังวลร่าง กม.ขอ “ตาย” หวั่นถูกฟ้อง นัดถกครั้งสุดท้าย 12 มิ.ย. 2552 ที่จ.เชียงใหม่

"หมอ-พยาบาล" กังวลร่าง กม.ขอ "ตาย" หวั่นถูกฟ้อง นัดถกครั้งสุดท้าย 12 มิ.ย.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2552 17:59 น.
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
       รับฟังความเห็นร่างกฎหมายปฏิเสธยืดการตาย แพทย์ พยาบาล ห่วงแนวทางปฏิบัติส่อเกิดปัญหาเหตุขัดหลักการรักษาทั่วไปของแพทย์ จี้ ราชวิทยาลัยแพทย์ ประกาศหลักเกณฑ์วาระสุดท้ายของชีวิตคลอบคลุมทุกโรค เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้แพทย์ ป้องกันถูกฟ้องร้อง เตรียมฟังความเห็นครั้งสุดท้าย 12 มิ.ย.นี้ก่อนนำเข้าที่ประชุมใหญ่ คสช. 26 มิ.ย.นี้
       
       วันที่ 29 พ.ค.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่างกฎกระกรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. ... ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 วรรค 2 พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นเวทีรับฟังความเห็นของภาคกลาง โดยมีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข นักกฎหมาย และเครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง เข้าร่วมรับฟังความเห็นประมาณ 50 คน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ ที่แพทย์จะต้องยุติการรักษา ซึ่งขัดกับหลักปฏิบัติโดยทั่วไปที่แพทย์ พยาบาลจะต้องช่วยชีวิตผู้ป่วยให้ถึงที่สุด เช่น ใครจะเป็นผู้ถอดเครื่องช่วยหายใจ อาการเจ็บป่วยลักษณะใดที่เรียกว่าช่วงสุดท้ายของชีวิต หากญาติมีความเห็นต่างจากหนังสือแสดงเจตนาฯ แพทย์จะทำอย่างไร เป็นต้น
       
       ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความเห็นครั้งนี้ เน้นชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย ให้กับญาติ และผู้ป่วยที่ป่วยรับทราบวิธีการเขียนหนังสือแสดงเจตนาฯ ที่ถูกต้องและไม่เกิดปัญหาในภายหลัง และการชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยในวาระสุดท้ายเพื่อการจากไปอย่างสงบ ซึ่งทั้งญาติผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับปฏิเสธการรับรักษาเพื่อยืดชีวิตอยู่มาก โดยเฉพาะลักษณะการเจ็บป่วยอย่างไร ที่เรียกว่าเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต เช่น การเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง อุบัติเหตุ เป็นต้น
       
       "การวินิจฉัยอาการเจ็บป่วย และบาดเจ็บของแพทย์แต่ละคนย่อมมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องวิชาการทางการแพทย์โดยเฉพาะ ดังนั้น ราชวิทยาลัยแพทย์ต่างๆ ควรจะมีเข้ามามีบทบาทในการพิจารณาถึงเกณฑ์ของวาระสุดท้ายในชีวิตให้ครอบคลุมทุกโรค เพราะแต่ละโรคมีข้อมูลวิชาการแตกต่างกัน และประกาศออกมาเป็นหลักเกณฑ์เพื่อให้แพทย์นำมาใช้ประกอบการพิจารณายุติการรักษาที่เป็นการยืดอายุของผู้ป่วยที่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ และเพื่อป้องกันการฟ้องร้องแพทย์ในภายหลังหากเกิดปัญหาญาติไม่เข้าใจ" ศ.นพ.วิฑูรย์ กล่าว
       
       ศ.นพ.วิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ยังอนุญาตให้แพทย์ พยาบาลสามารถให้คำแนะนำให้กับผู้ป่วยทำหนังสือแสดงเจตนาฯ ได้ โดยทางสถานพยาบาลอำนวยความสะดวกด้วยการจัดทำแบบฟอร์มหนังสือแสดงเจตนาฯ ได้ ซึ่งประเด็นนี้บุคลกรทางการแพทย์จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วย ญาติเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลรัฐ ที่มีปัญหาภาพลักษณ์เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีการปฏิเสธการรักษาผู้ป่วย ขณะที่โรงพยาบาลเอกชน สามารถให้คำแนะนำเรื่องนี้กับผู้ป่วยได้สะดวกกว่า และผู้ป่วย ญาติอาจจะมีความรู้สึกดีกับโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่มี่ราคาสูงได้ เพราะที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนมักจะถูกเข้าใจว่ายื้อชีวิตผู้ป่วย เพื่อให้แบกรักภาระค่ารักษาราคาแพง
       
       ทั้งนี้ คสช.มีกำหนดต้องจัดเวทีรับฟังความเห็น 4 ภาค เป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ที่จ.เชียงใหม่ จากนั้นจะมีการแก้ไขร่างกฎกระทรวง เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำเข้าที่ประชุมใหญ่ คสช.ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ จากนั้นจะนำร่างกฎกระทรวงฯ เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบ หากครม. เห็นชอบในหลักการก็จะส่งร่างกฎกระทรวง ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมาย จากนั้นจึงประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000060568


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"ซูซาน บอยล์"เจอตอ! ส่อถูกตัดจาก Britain′s Got Talent ผู้จัดหวั่นจิตไม่ปกติ-สติแตกกลางอากาศ

วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 13:40:23 น.  มติชนออนไลน์

"ซูซาน บอยล์"เจอตอ! ส่อถูกตัดจาก Britain′s Got Talent ผู้จัดหวั่นจิตไม่ปกติ-สติแตกกลางอากาศ
ซูซาน บอยล์

ปิแอร์ มอร์แกน

"ซูซาน บอยล์"นักร้องสมัครเล่น ผู้มากด้วยพรสวรรค์ กำลังตกที่นั่งลำบาก อาจถูกสั่งให้ออกจากการแข่งขัน "Britain′s Got Talent" เพราะไม่สามารถอดทนต่อเสียงวิจารณ์ในทางลบได้

หลังจากที่มีรายงานข่าวระบุว่า ซูซานได้ด่าทอด้วยคำหยาบคาย เนื่องจากไม่พอใจที่ "ปิแอร์ มอร์แกน" กรรมการผู้ตัดสินปากจัดจ้าน ไปชมผู้แข่งขันเด็กอีกคนหนึ่งว่าร้องเพลงได้ดีที่สุด

ปิแอร์ กล่าวเมื่อคืนวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ซูซานร้องไห้ไม่หยุดและกลับไปจัดกระเป๋าที่ห้อง เหมือนอยากเลิกแข่งขันในรายการนี้ ทำให้ผู้จัดรายการถึงกับออกปากว่า จะพิจารณาตัดเธอออกจากการแข่งขันชิงชนะเลิศ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เพราะเป็นห่วงว่าอาจกระทบต่อสุขภาพของเธอ

ขณะที่แหล่งข่าวจากเว็บไซต์เดอะ ซัน เปิดเผยว่า "ผู้จัดรายการไม่ต้องการเห็นอาการสติแตกกลางอากาศ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แน่ใจได้ว่า ซูซานมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ ดังนั้นเธอจะไม่ได้ลงแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ"
 
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างการแข่งขันรอบก่อนชิงชนะเลิศ ปิแอร์ได้กล่าวชม "ซาฮีน จาฟอร์โกลิ" นักร้องเด็กวัย 12 ปีว่า ร้องเพลงได้ที่ดีที่สุดในการแข่งขันรองก่อนชิงชนะเลิศ ซึ่งทำให้ซูซานถึงกับชกเก้าอี้ที่นั่งอยู่ 2 ครั้ง ก่อนที่จะด่าคำหยาบและหมกตัวอยู่ในห้องพักของโรงแรมด้วยความเสียใจ

วันถัดมา ก็มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ซูซานตะโกนใส่หน้าผู้คนแปลกหน้า 2 คนกลางโรงแรม จนต้องตำรวจต้องเข้ามาดูแลสถานการณ์ นอกจากนี้ ซูซานยังมีเรื่องต้องหนักใจอีกเรื่อง เพราะหลานสาวที่สนิทสนมกับเธอได้ล้มป่วยลง หลังจากเพิ่งคลอดลูก

 
************
คลิกอ่าน "ซูซาน บอยด์"วีนแตกถูกยั่วอารมณ์ ระเบิดคำสบถหยาบ



check out the rest of the Windows Live™. More than mail–Windows Live™ goes way beyond your inbox. More than messages

วันที่ 30 พฤษภาคม 2552 ตั้งแต่เวลา 8.30 น. - 13.30 น. www.childmedia-n.net หรือ www.bannoktv.com หรือ www.tv4kids.org

เชิญรับชมการถ่ายทอดสด งาน "สื่อละอ่อน สะท้อนสังคม"
โดย : ศสน.    เมื่อ : 29/05/2009 12:46 AM ศูนย์ประสานงานสื่อเพื่อเด็กและเยาวชนภาคเหนือ (ศสน.) จัดงาน "สื่อละอ่อน สะท้อนสังคม" เป็นเวทีสะท้อนข้อมูลการวิจัยสถานการณ์การบริโภคสื่อของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้ "โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สื่อเพื่อเด็กและเยาวชน" ซึ่งเป็นงานวิจัยที่เก็บรวบรวมสถานการณ์และข้อมูลจากเด็กและเยาวชน ที่เข้าร่วมกิจกรรมสัญจรในพื้นที่ภาคเหนือรวม 7 จังหวัด มีเด็กและเยาวชนที่ร่วมกระบวนการ จำนวน 2,500 คน เพื่อนำเสนอผลการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการเปิดรับสื่อ ปัญหาสื่อที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน รวมถึงมุมมองและความต้องการเรื่องสื่อของเด็กและเยาวชนในภาคเหนือ ให้แก่ผู้เข้าร่วมงานได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนพัฒนาการมีส่วนร่วมในการทำงานการขับเคลื่อนสื่อเพื่อเด็กและเยาวชนภาคเหนือ

โดยท่านสามารถรับชมถ่ายทอดสดการจัดกิจกรรม เวทีสะท้อนข้อมูลการวิจัยสถานการณ์การบริโภคสื่อของเด็กและเยาวชน ได้ที่เวปไซด์ www.childmedia-n.net หรือ www.bannoktv.com หรือ www.tv4kids.org

ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2552 ตั้งแต่เวลา 8.30 น. - 13.30 น.
 
http://www.thaingo.org/prboard_1/view.php?id=8316


Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลประดิษฐ์เก้าอี้กระดาษแสนสวยเพื่อน้องพิการทางสมอง



--- On Wed, 5/27/09, JeaB <kwanruthai@dpiap.org> wrote:

From: JeaB <kwanruthai@dpiap.org>
Subject: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลประดิษฐ์เก้าอี้กระดาษแสนสวยเพื่อน้องพิการทางสมอง
Date: Wednesday, May 27, 2009, 9:32 PM

 

เก้าอี้กระดาษแสนสวยเพื่อน้องพิการทางสมอง

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

27 พฤษภาคม 2552 11:30 น.

 

 

 

 

ว่าที่สถาปนิกจากรั้วมทร.ธัญบุรีกับเก้าอี้เพื่อน้อง

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

 

"เก้าอี้กระดาษกว่า 30 ตัวได้ถูก วางเรียงรายเป็นแถว ลักษณะของโครงสร้าง ลวดลาย สีก็แตกต่างกัน ซึ่งเก้าอี้แต่ละตัวมีเพียงตัวเดียวในประเทศไทย"
       เก้าอี้กระดาษดังกล่าว ถูกออกแบบโดยว่าที่สถาปนิกในอนาคต นักศึกษาชั้นปีที่ 5 ภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร. ) ธัญบุรี กว่า 30 ชีวิต ที่ได้ออกแบบเก้าอี้กระดาษสำหรับเด็กพิการทางสมอง ให้แก่มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ กทม.
       ผศ.ธีรวัลย์ วรรธโนทัย คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เล่าว่า เก้าอี้กระดาษสำหรับเด็กพิการทางสมอง ที่มอบให้แก่มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ กทม. เป็นหนึ่งในวิชาเรียนออกแบบเครื่องเรือนสำเร็จรูป ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ต้องเรียนเกี่ยวกับการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริง และต้องนำชิ้นงานไปใช้ได้จริง เก้าอี้กระดาษสำหรับเด็กพิการแต่ละตัว จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน เพราะว่า จะต้องออกแบบให้มีความเหมาะสมเข้ากับสรีระของเด็กแต่ละคน นอกจากนักศึกษาจะได้เรียนรู้การปฏิบัติงานจริง ยังได้ความสุขทางใจคือการให้ที่บริสุทธิ์ใจ
นางอรนารถ ดวงอุดม รองประธานและกรรมการมูลนิธิเพื่อเด็กพิการทางสมอง เล่าว่า ทางมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ กทม. ต้องการที่จะพัฒนาและฟื้นฟูเด็กพิการทางสมองเป็นกลุ่มหลัก ซึ่งในแต่ปีมีเด็กพิการทางสมองมาใช้บริการประมาณ 200-300 คน ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเด็กพวกนี้ไม่สามารถฟื้นฟูได้ เก้าอี้กระดาษสำหรับเด็กพิการ ฝีมือนักศึกษาเป็นสิ่งที่ทางมูลนิธิต้องการมาก เนื่องจากทางมูลนิธิได้อาสาสมัครจากญี่ปุ่นมาสอนผู้ปกครองทำเก้าอี้สำหรับ เด็กๆ แต่ด้วยผู้ปกครองไม่มีพื้นฐานในการออกแบบจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร สำหรับน้องๆนักศึกษา ที่มีพื้นฐานในการออกแบบ รู้หลักและวิธีการในการทำ เก้าอี้กระดาษดังกล่าว จะส่งผลต่อตัวเด็กโดยตรง การทรงตัว การนั่ง เพราะว่า เด็กพิการทางสมองจะมีปัญหาทางด้านสมองส่วนควบคุมกล้ามเนื้อ
       
       "ณัฐ-ณัฐิยา เพ็ชรดี" นักศึกษาชั้นปีที่ 5 ภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ว่าที่สถาปนิกสาว ผู้ออกแบบและประดิษฐ์เก้าอี้กระดาษให้ "น้องพลอย" (อายุ 10 ขวบ) เล่าว่า หลังจากที่ตนเองได้วัดสัดส่วนของน้อง และสัมภาษณ์ผู้ปกครองเกี่ยวกับความต้องการ และออกแบบเก้าอี้ให้เก้าอี้เหมาะกับลักษณะทางกายภาพของน้องมากที่สุด เช่นกระดาษมีความเอียง 70 องศา มีหมอนล๊อคคอ
       
       " จากการสังเกตเห็นว่าคอน้องจะเอียง หมอนจะมีลอยบุ๋มตรงศีรษะเวลาน้องพิงก็จะล๊อคคอน้องได้พอดี จะได้ไม่เอียง มีถาดอาหารไว้สำหรับตอนที่น้องวางมือ หรือว่าเวลาทานข้าวน้องจะได้หันหยิบช้อน สายรัด 2 ตำแหน่ง คือ สายรัดหน้าอก และตรงต้นขา เพื่อป้องกันน้องไหลลงจากเก้าอี้กระดาษ "ดีใจมากที่ได้ออกแบบเก้าอี้กระดาษสำหรับน้องๆ อย่างน้อยเก้าอี้กระดาษที่ออกแบบก็สามารถช่วยน้องในการทรงตัว" ณัฐอธิบาย
       

       เพื่อนร่วมชั้นเรียนของณัฐ หนุ่มสถาปนิกอนาคตไกล "ปัด- ปรัชญา ธูปกระแจะ" เล่าว่า ตนเองได้รับเคส "น้องเบ๊บ" (อายุ 12 ปี) ซึ่งลักษณะของน้องจะเกร็งอยู่ตลอดเวลา ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ทรงตัวไม่ได้จะต้องนอนตลอดเวลา 
       
       " ของผมจะออกแบบโดยเก้าอี้เอียง 50 องศา ตรงพนักพิงมีตัวเสริมศีรษะ และมีตัววางเท้า ทำให้ลำตัวตรง ลดอาการเกร็งให้น้อยลง น้องสามารถนั่งบนเก้าอี้ โดยผู้ปกครองไม่ต้องปล่อยน้องนอน ที่เลือกทำเป็นลายอุลตร้าแมน เพราะว่า น้องเบ๊บชอบอุลตร้าแมนและเป็นการกระตุ้นการมองของน้อง "ภูมิใจที่ได้แบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง อย่างน้อยเก้าอี้กระดาษก็เป็นเหมือนตัวพิสูจน์ ความสำเร็จอีกขั้นของตนเอง" ปัดเล่าถึงงานออกแบบ
       

       "สุนทร สถาพร" รองหัวหน้ากลุ่มเด็กเล็กชมรมผู้ปกครอง มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ กทม. ผู้ปกครองของ "น้องสายฝน" (อายุ 9 ปี) เล่าว่า เข้ามาเป็นสมากชิกของมูลนิธิได้ประมาณ 2 ปี หลังจากที่ได้เข้ามาที่นี่ น้องน้ำฝนมีพัฒนาการและสุขภาพแข็งแรงขึ้น เนื่องจากทางมูลนิธิมีกิจกรรมมากมายสำหรับเด็กและผู้ปกครอง เช่น กายภาพบำบัดสากล กายภาพญี่ปุ่น (โดฮะโฮ) นวดไทย ผลที่เห็นได้ชัดเมื่อน้องสายฝนเข้ามาที่นี่ หลังจากที่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ก็ไม่ค่อยได้เข้าโรงพยาบาล เก้าอี้กระดาษของนักศึกษาจะส่งผลกับตัวของน้องสายฝนโดยตรง ทางด้านร่างกายเรื่องของการทรงตัว
       

       "ส่วน สำคัญที่สุดคือ การมองเห็น ถ้าได้นั่งน้องก็จะได้มองมากขึ้น เด็กพิการทางสมองถ้าได้มองสิ่งแวดล้อมก็จะกระตุ้นพัฒนาการทางสายตา"ผู้ ปกครองกล่าวสรุปทิ้งท้าย
       
 "เก้าอี้ กระดาษจากว่าที่สถาปนิกกว่า 30 ตัว จะช่วยพัฒนาและกระตุ้นพัฒนาการอย่างต่อเนื่องให้เด็กพิการ นอกจากนั้นยังช่วยผู้ปกครองในการดูแลและในการทำกิจวัตรประจำวันได้อีกด้วย" ....
       
       หากใครสนใจ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โทร.0-2549-4771

(http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9520000059271&Keyword=%a4%b9%be%d4%a1%d2%c3 )

 

ขออภัยหากอีเมลฉบับนี้เป็นการรบกวน   หรือส่งซ้ำ

ขอบคุณค่ะ

ขวัญฤทัย  สว่างศรี

 

Ms. Kwanruthai Savangsri

National Project Coordinator

********************************************************************

Disabled Peoples' International Asia-Pacific Region (DPI/AP)

29/486 Moo 9, Soi 12, Muang Thong Thani, Bangpood Sub-district , Pakkred District Nonthaburi Province 11120 THAILAND

Tel: 66-2503-4268 Fax: 66-2503-4269

Email: kwanruthai@dpiap.org and iam_jeabja@hotmail.com

Website: http://www.dpiap.org/

********************************************************************

 

 


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หลากมุมมองและวิสัยทัศน์ของบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเอง เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 3 กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ

หลากมุมมองและวิสัยทัศน์ของบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเอง เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 3 กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ
     วันที่ 25 พฤษภาคม 2552
    
การแนะนำตัวเองของบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเองเพื่อเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 3 เมื่อวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2552 เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเอง จำนวน 98 คน และจะผ่านการคัดเลือกกันเองเข้าไปเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ จำนวน 14 คน
สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดการสัมมนาและประชุมคัดเลือกกันเองของบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเองเพื่อเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 3 ระหว่างวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2552 ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพมหานคร โดยในช่วงบ่ายของวันที่ 23 และช่วงเช้า ของวันที่ 24 พฤษภาคม 2552 ได้จัดให้มีการแนะนำตนเองและทำความรู้จักกัน รวมถึงการแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเองของแต่ละกลุ่มประกอบด้วย
 1. กลุ่มการผลิตด้านการเกษตร     
 2. กลุ่มการผลิตด้านการอุตสาหกรรม     
 3. กลุ่มการผลิตด้านการบริการ    
 4. กลุ่มการพัฒนาชุมชน    
 5. กลุ่มการสาธารณสุข    
 6. กลุ่มการศึกษา ศิลปวัฒนธรรมและศาสนา   
 7. กลุ่มการพัฒนาและสงเคราะห์คนพิการ  
 8. กลุ่มการพัฒนาเด็ก เยาวชน สตรีและผู้สูงอายุ 
 9. กลุ่มการพัฒนาแรงงาน  
10. กลุ่มการคุ้มครองผู้บริโภค
11. กลุ่มฐานทรัพยากร
12. กลุ่มการพัฒนาระบบการเกษตร 
13. กลุ่มการพัฒนาระบบการอุตสาหกรรม     
14. กลุ่มการพัฒนาระบบการบริการ   และ
15. กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ                       
โดยในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ได้จัดให้มีการแนะนำตนเองและทำความรู้จักกัน รวมถึงการแสดงวิสัยทัศน์ ณ  ห้องราชา 1 (อาคาร 2 ชั้น 11) สำหรับสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิจะมีจำนวน 14 คน ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 ที่บัญญัติให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชนว่าเป็นผู้มีความรอบรู้ ความสามารถ และมีภูมิปัญญาอย่างแท้จริง
สำหรับบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเองของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ ประกอบด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการ สื่อมวลชน นักการศึกษา นักกฎหมาย อดีตผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน  และอดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ชุดที่ 1 และ 2 รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนในปัจจุบัน ซึ่งล้วนมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในวงสังคม
 
การแนะนำตัวเองและการแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยทุกท่านได้แสดงวิสัยทัศน์ที่จะใช้สภาที่ปรึกษาฯเป็นเวทีในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะในด้านที่ตนเองสนใจ เช่น  แนวคิดการจัดให้มีรัฐบาลท้องถิ่น,  การจัดทำความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ต่อคณะรัฐมนตรี ที่มีทั้งคุณภาพในเชิงวิชาการ มาจากการมีส่วนร่วมและเสียงสะท้อนของประชาชน รัฐบาลสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง , การให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาสังคม, การกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อป้องกันการทุจริตในนโยบายภาครัฐ, การขับเคลื่อนนโยบายด้านผู้สูงอายุในสังคมไทย, การกระจายรายได้ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น, การอนุรักษ์และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม, ด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานของประเทศ, การขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของประเทศ, การให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน,การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ, การให้ความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจโดยการให้ข้อเสนอแนะต่อกฎหมายของรัฐบาลว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร,ด้านสังคมสงเคราะห์ การพัฒนาสังคมอย่างมีดุลยภาพ, ด้านการศึกษาที่ประเทศไทยยังด้อยกว่าที่อื่น, ด้านสื่อมวลชน, ด้านการแก้ไขปรับปรุงเรื่องอำนาจของสภาที่ปรึกษาฯ การสร้างความแข็งแกร่งด้านวิชาการและการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนของสำนักงานสภาที่ปรึกษาฯ  การสร้างความรู้จักและยอมรับในบทบาทของสภาที่ปรึกษาฯให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่ามุมมองและวิสัยทัศน์ จากทุกท่านล้วนเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมุ่งประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ สำหรับท่านที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ชุดที่ 3 ในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 19 คน คงจะได้นำมุมมองและวิสัยทัศน์จากบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเองเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ทุกท่านไปขับเคลื่อนในเวทีสภาที่ปรึกษาฯ อย่างที่ตั้งใจไว้ต่อไป.
 
ทศพนธ์ นรทัศน์ thossaphol_no@nesac.go.th
สำนักประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ
 
http://www2.nesac.go.th/nesac/th/whatsnew/detail.php?myLeftMenu=&myDataID=856&myModuleKey=newsother


Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!

อนุ กมธ. คนพิการ เรียกร้องรัฐบาล ปรับปรุงร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน

 

 

 

อนุ กมธ. คนพิการ  เรียกร้องรัฐบาล ปรับปรุงร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน

28 พ.ค. 52 -            อนุกรรมาธิการด้านคนพิการ  วุฒิสภา เรียกร้องรัฐบาล ปรับปรุงร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน เพื่อเอื้อประโยชนต่อคนทุกกลุ่ม และคนพิการให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พร้อมยืนยันหากข้อเสนอไม่ได้รับการตอบสนองจะขอคัดค้านอย่างถึงที่สุด

นายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านคนพิการ ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา เกี่ยวกับโครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คันตามนโยบายของรัฐบาล โดยเรียกร้องให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการปรับปรุงร่าง TOR 2 ประการ คือ

1.รถเมล์ต้องเป็นลักษณะรถโดยสารแบบชานต่ำ (low floor) ที่สามารถประกอบได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานที่ช่วยให้คนทุกกลุ่ม รวมทั้งคนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้

2.รถเมล์ทุกคันต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อคนทุกกลุ่มรวมทั้งคนพิการ ไม่เพียงเส้นทางละ 1 คันเท่านั้น เพราะไม่สามารถเอื้อต่อการเดินทางแต่อย่างใด   ทางกรรมาธิการฯ จึงขอให้รัฐบาลทบทวนข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และเด็ก ซึ่งหากข้อเสนอดังกล่าวของกรรมาธิการไม่ได้รับการตอบสนองจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรัฐบาล ทางกรรมาธิการฯ จะขอคัดค้านการดำเนินการเช่ารถเมล์ NGV 4000 คัน อย่างถึงที่สุด  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เรณู  เขมาปัญญา  /  ผู้สื่อข่าว

เกรียงไกร หอมจันทร์เทศ / เรียบเรียง

                                                                                                                                                http://www.parliament.go.th/php4/radio/temp/news7462.doc



See all the ways you can stay connected to friends and family

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พลเมืองเน็ตแจ้งความคืบหน้า 2 คดีหมิ่นสถาบัน ขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้ รออัยการอุทธรณ์

วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวลา 11:48:11 น.  มติชนออนไลน์

พลเมืองเน็ตแจ้งความคืบหน้า 2 คดีหมิ่นสถาบัน ขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้ รออัยการอุทธรณ์

เครือข่ายพลเมืองเน็ตแจ้งความคืบหน้าเรื่อง การดำเนินคดี พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 ต่อพลเมืองเน็ตเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมว่า  ตั้งแต่พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 มีผู้ถูกดำเนินคดีจำนวนมาก  หลายคดีส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในการบังคับใช้กฎหมายอย่างคลุมเครือขาด ความชัดเจน พลเมืองเน็ตตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความกลัว โดยเฉพาะการตีความโดยเจ้าหน้าที่รัฐในบทบัญญัติความผิด มาตรา 14 และ 15 ซึ่งมีรายละเอียดคือ

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 14 (2) นำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน

มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจ สนับสนุน หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14

เครือข่ายพลเมืองเน็ต ขอแจ้งข่าวสารล่าสุดของสองคดีที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

คดีของสุวิชา ท่าค้อ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกจับและดำเนินคดี ภายใต้ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552 เนื่องจากการเผยแพร่เนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวผ่านสื่อออนไลน์ จากนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552 ศาลอาญาชั้นต้นได้ตัดสินโทษจำคุก 20 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคือ 10 ปี จากนั้นสุวิชาและครอบครัวเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษหลังจากครบกำหนดอุทธรณ์ 30 วัน (3 พ.ค.52) ซึ่งสุวิชาตัดสินใจไม่อุทธรณ์

ความคืบหน้าล่าสุด อัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน (ถึง 1 มิถุนายน 2552) จึง ทำให้ในขณะนี้ คดีของสุวิชาไม่สามารถดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษได้ ต้องรอผลการตัดสินใจของพนักงานอัยการก่อนว่าจะอุทธรณ์หรือไม่

คดีของจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการและผู้ดูแลเว็บบอร์ดของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท http://www.prachatai.com/webboard ซึ่งถูกกองปราบปรามจับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552 ด้วยข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฯ มาตรา 15 เนื่อง เพราะไม่ได้ลบข้อความในเว็บบอร์ดที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายดังกล่าวภายในเกณฑ์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ ในขณะที่จีรนุชได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องเพราะได้ลบข้อความดังกล่าวออกแล้วทันทีที่ได้รับแจ้งและได้ให้ความ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมายตลอดมา

ความคืบหน้าล่าสุด กองปราบปรามได้สรุปสำนวนทั้งหมดเพื่อส่งคดีดังกล่าวไปที่พนักงานอัยการ โดยได้นัดจีรนุชที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เพื่อรายงานตัวและประกันตัวในชั้นอัยการในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป
             
เครือข่ายพลเมืองเน็ต เห็นว่า การดำเนินคดีทั้งสองคดีดังกล่าว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเน็ตและของสังคมไทยโดยรวม จึงขอให้พลเมืองเน็ตทุกท่านรวมถึงสาธารณะชนติดตามข่าวสารในกรณีเช่นนี้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทุกส่วนให้ความเป็นธรรมอย่างไม่ล่าช้า ต่อผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย บนพื้นฐานมนุษยธรรมที่รัฐพึงมีต่อพลเมือง เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกของพลเมืองและการทำงานของสื่อ หนังสือพิมพ์นั้นมีลักษณะสำคัญของการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่แตกต่าง จากการกระทำความผิดทางอาญาทั่วไป และได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล
 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1243313382&grpid=04&catid=17



Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!

รัฐมนตรี 'พลังเกาเหลา' 'สู้ศึกเศรษฐกิจ' 'รอด-ร่วง' ดวงบ่งชี้ ?

วันที่ 18 พฤษภาคม 2552 เวลา 00:00 น.
 
 
รัฐมนตรี 'พลังเกาเหลา' 'สู้ศึกเศรษฐกิจ' 'รอด-ร่วง' ดวงบ่งชี้ ?
การเมืองเพลาองศาเดือดไประดับหนึ่ง "ปัญหาเศรษฐกิจ" ก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาเป็นที่จับตาย่างก้าวการแก้ปัญหาของรัฐบาลปัจจุบัน ยิ่งมีกระแสรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ "กินเกาเหลา-ไม่กินเส้น" กัน กรณีนั้นกรณีนี้ อย่างเร็ว ๆ นี้ก็เรื่องข้าวโพด กระแสวิพากษ์ก็ยิ่งอึงมี่ ท่ามกลางศึกใหญ่ทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลยังโชว์ฝีมือสู้ได้ไม่ชัด...
 
ท่ามกลาง "ศึกใหญ่" บางทีอาจต้องพึ่ง "ดวง" ด้วย ??
 
ทั้งนี้ หากจะลองตรวจ "ดวงรัฐมนตรีเศรษฐกิจ" รัฐบาลชุดนี้ ทาง อ.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตฯ บอกว่า... รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อตั้งรัฐบาล ก่อนตรุษจีนปี พ.ศ. 2552 มีรัฐมนตรีดวงดี 24 คน ดวงตก 12 คน ก็ไม่เท่าไหร่ พอเข้าตรุษจีนดวงดีเหลือ 19 คน ดวงตก 17 คน และพอช่วง เม.ย. ไปถึงต้นเดือน ก.ค. ดวงดีจะเหลือ 17 คน ดวงตก 19 คน ซึ่งรัฐบาลจะเจอศึกหนักจนอาจถึงขั้นคุมเกมไม่อยู่ สะดุดขาตัวเองล้มคว่ำคะมำหงาย และถ้าไม่มีการปรับ ครม. ถึงเดือน ต.ค. ดวงดีจะเหลือแค่ 12 คน ดวงตกถึง 24 คน นี่ยิ่งหนัก "รัฐบาลอาจพังได้ง่าย ๆ" แต่ถ้าผ่าน 3 ช่วงคือ เม.ย., ก.ค., ต.ค. ไปได้ โอกาสอยู่ครบเทอมก็มี
 
ส่วนถ้าจะดูดวงและโหงวเฮ้งรัฐมนตรีเศรษฐกิจรายบุคคลโดยสรุป เริ่มจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อ.ภาณุวัฒน์บอกว่า... ปัจจุบันอายุ 45 ย่างขึ้น 46 ปี จุดเดินโหงวเฮ้งอยู่ที่เนินแก้มทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นจุดเดินของอำนาจที่ดี แต่รอบอายุเริ่มเข้าเคราะห์ตั้งแต่ 23 เม.ย.เป็นต้นมา ไปจนถึง 13 พ.ย. 2553 "ปี พ.ศ. 2552 นี้จะเหนื่อยและหนักมาก ๆ ถ้าไม่หาคนดวงดีมาช่วยเกื้อหนุนในการทำงาน"
 
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบันอายุ 60 ย่างขึ้น 61 ปี ถือว่าอายุเข้าเคราะห์ เช่นเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เกิดปีฉลูรอบเดียวกัน เพียงแต่จุดเดินอายุตามโหงวเฮ้งเดินอยู่ที่บริเวณริมฝีปากบน ยังพอใช้ได้ แต่ก็ "จะเจอปัญหาหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ"
 
กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง อายุ 45 ย่างขึ้น 46 ปี พื้นฐานชะตาต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคหนัก เพราะอายุเข้าเคราะห์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้จะหนักมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งตามโหงวเฮ้งหน้าผากกว้างสวย เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คิ้วสามเหลี่ยม โหนกคิ้วสูง มีความเก่ง ฉลาด แต่ปัจจุบันจุดเดินอายุที่โหนกแก้มนั้นกลาง ๆ ไม่โดดเด่น "จะดำเนินการสิ่งใดต้องมีความรอบคอบ ไตร่ตรองให้ดีสัก 2-3 ครั้งก่อนจะตัดสินใจ มิฉะนั้นอาจจะเกิดการผิดพลาดในการบริหารงาน จนทำให้ต้องไปแก้ไขปัญหาในภายหน้าไม่รู้จบไม่รู้สิ้น"
 
ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ตามดวงชะตาเกิดมาดี มีคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือ ฉลาด เก่ง รู้จักปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมได้ดี แต่ปัจจุบันเจอปีฉลูที่ชงเป็นปรปักษ์กับปีมะแม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นธาตุดินที่เกื้อหนุน อายุไม่ได้เข้าเคราะห์ และจุดเดินอายุที่เนินปากสวย "จะยังคงสามารถฟันฝ่างานที่แสนหนักในปีนี้ไปได้ แต่จะไปหนักมาก ๆ ในปีหน้า พ.ศ. 2553 กลัวว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่หนักกว่าเดิม"
 
พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ตามดวงชะตาปีเกิดกับวันเกิด  เกื้อหนุนกัน เป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็ออกจะทิฐิ รั้น เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ชอบการมีเล่ห์เหลี่ยม อาจจะทำให้ต้องขัดแย้งกับความไม่ถูกต้อง ในปี พ.ศ. 2553 ทุกอย่างจะราบรื่น แต่ในปี พ.ศ. 2552 นี้ รอบอายุอยู่ในเคราะห์ ธาตุก็ข่มกัน "ต้องเหนื่อย ยุ่งวุ่นวาย อาจมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง มีปัญหาหนัก ๆ อาจตัดสินใจผิดพลาดในการบริหาร ต้องรัดกุมให้มากกว่าปกติ"
 
ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม ตามดวงเป็นคนใจอ่อนใจดี รู้จักปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ปัจจุบันรอบอายุก็ดี เพียงแต่ปีไม่เกื้อหนุน อีกทั้งเป็นปีมะโรงเช่นเดียวกับนายกฯ ส่วนจุดเดินอายุอยู่ที่ข้างแก้ม 2 ข้างก็ดี ไม่มีปัญหา "น่าจะดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ"
 
ชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงที่หวังกันว่าจะนำรายได้ท่องเที่ยวมาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยได้ อ.ภาณุวัฒน์บอกว่า... ก็เป็นคนที่เชื่อมั่นตัวเองสูง แต่ปัจจุบันรอบอายุย่างเข้าเคราะห์ คือ 69 ปี เจอปีที่ไม่เกื้อหนุน แม้ธาตุเกื้อหนุนกัน แต่ก็ต้องมีอุปสรรคปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่ได้ดั่งใจ "ต้องมีความอดทนใจเย็นและไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิฉะนั้นจะมีปัญหาผูกพันให้ต้องแก้ไขในอนาคต"
 
พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นี่ก็เป็นคนที่ทำอะไรมักมีคนเกื้อหนุนช่วยเหลือตลอด มีความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2551 รอบอายุเข้าเคราะห์ ต่อเนื่องมาจนถึงปี พ.ศ. 2552 นี้ จะไปพ้นเคราะห์ในช่วงปลายปี ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. เป็นต้นไป "ช่วงนี้จะยังมีปัญหาหนัก ๆ ให้ต้องแก้ไขอยู่ตลอดเวลา"
 
อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ที่เพิ่งอื้ออึงเรื่องปราบละเมิดลิขสิทธิ์ รมต.เศรษฐกิจรายนี้ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตฯ ชี้ว่า... ตามดวงชะตาเป็นคนเก่ง ฉลาด มีวาทศิลป์ในการพูด รู้จักหลบหลีกปัญหาไม่ปะทะด้วยถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ พื้นฐานดวงชะตาก็สมพงศ์กันกับนายกฯ อภิสิทธิ์เป็นอย่างดี แต่ปี พ.ศ. 2552 นี้ รอบอายุเข้าเคราะห์อย่างต่อเนื่อง "ต้องอดทนใจเย็น และทำอะไรด้วยความรัดกุม สุขุมรอบคอบ มิฉะนั้นจะมีปัญหา"
 
ทั้งนี้ อ.ภาณุวัฒน์บอกด้วยว่า... ได้เคยพยากรณ์อดีตนายกฯ ทักษิณไว้เมื่อต้นปี พ.ศ. 2550 ว่าไม่ควรรีบกลับมาเมืองไทย เพราะดวงชะตาจะยิ่งตกต่ำหนัก และเคยพยากรณ์รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เรื่องมีรัฐมนตรีดวงเข้าเคราะห์มาก ควรปรับเปลี่ยนมิฉะนั้นรัฐบาลจะมีปัญหา แล้วก็อย่างที่คนไทยทราบ ๆ กัน
 
กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ อ.ภาณุวัฒน์ไม่ได้ชี้นำว่าแก้เศรษฐกิจได้-ไม่ได้
 
ส่วนกับคำพยากรณ์จะบ่งชี้ได้แค่ไหน...ก็สุดแท้แต่มุมมอง ?!?!?.
 
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=73853&NewsType=2&Template=1


Invite your mail contacts to join your friends list with Windows Live Spaces. It's easy! Try it!

[netizen] Press Release ใบแจ้งข่าวเครือข่ายพลเมืองเน็ต เรื่อง การดำเนินคดี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ต่อพลเมืองเน็ต



 

ใบแจ้งข่าวเครือข่ายพลเมืองเน็ต เรื่อง การดำเนินคดี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ต่อพลเมืองเน็ต

ใบแจ้งข่าวเครือข่ายพลเมืองเน็ต

ตั้งแต่พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ได้มีผู้ถูกดำเนินคดีจำนวนมาก หลายคดีส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในการบังคับใช้กฎหมายอย่างคลุมเครือขาด ความชัดเจน พลเมืองเน็ตตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความกลัว โดยเฉพาะการตีความโดยเจ้าหน้าที่รัฐในบทบัญญัติความผิด มาตรา 14 และ 15

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 14 (2) นำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน

มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจ สนับสนุน หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14

เครือข่ายพลเมืองเน็ต ขอแจ้งข่าวสารล่าสุดของสองคดีที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

  1. คดีของสุวิชา ท่าค้อ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกจับและดำเนินคดี ภายใต้ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552 เนื่องจากการเผยแพร่เนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวผ่านสื่อออนไลน์ จากนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552 ศาลอาญาชั้นต้นได้ตัดสินโทษจำคุก 20 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคือ 10 ปี จากนั้นสุวิชาและครอบครัวเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษหลังจากครบกำหนดอุทธรณ์ 30 วัน (3 พ.ค.52) ซึ่งสุวิชาตัดสินใจไม่อุทธรณ์

    ความคืบหน้าล่าสุด อัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน (ถึง 1 มิ.ย. 52) จึง ทำให้ในขณะนี้ คดีของสุวิชาไม่สามารถดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษได้ ต้องรอผลการตัดสินใจของพนักงานอัยการก่อนว่าจะอุทธรณ์หรือไม่

  2. คดีของจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการและผู้ดูแลเว็บบอร์ดของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท http://www.prachatai.com/webboard ซึ่งถูกกองปราบปรามจับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552 ด้วยข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 เนื่อง เพราะไม่ได้ลบข้อความในเว็บบอร์ดที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายดังกล่าวภายในเกณฑ์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ ในขณะที่จีรนุชได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องเพราะได้ลบข้อความดังกล่าวออกแล้วทันทีที่ได้รับแจ้งและได้ให้ความ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมายตลอดมา

    ความคืบหน้าล่าสุด กองปราบปรามได้สรุปสำนวนทั้งหมดเพื่อส่งคดีดังกล่าวไปที่พนักงานอัยการ โดยได้นัดจีรนุชที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เพื่อรายงานตัวและประกันตัวในชั้นอัยการในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป

เครือข่ายพลเมืองเน็ต เห็นว่าการดำเนินคดีทั้งสองคดีดังกล่าว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเน็ตและของสังคมไทยโดยรวม จึงขอให้พลเมืองเน็ตทุกท่านรวมถึงสาธารณะชนติดตามข่าวสารในกรณีเช่นนี้อย่าง ใกล้ชิด อีกทั้งขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทุกส่วนให้ความเป็นธรรมอย่างไม่ล่าช้า ต่อผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย บนพื้นฐานมนุษยธรรมที่รัฐพึงมีต่อพลเมือง เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกของพลเมืองและการทำงานของสื่อ หนังสือพิมพ์นั้นมีลักษณะสำคัญของการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่แตกต่าง จากการกระทำความผิดทางอาญาทั่วไป และได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล

26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://thainetizen.org

สอบถาม เสนอแนะ ได้ที่ freethainetizen AT gmail.com


Thai Netizen Network's Press Release: On the Cases Related to Computer-Related Crime Act


Thai Netizen Network's Press Release:

On the Cases Related to Computer-Related Crime Act

There are several Internet users who have been charged for violating the Computer-related Crime Act of B.E. 2550 since it was enacted in June 18, 2007. Most charges are based on an obscure legislation that leads to unclear interpretation and implementation of the Act. Consequently, netizens are put into the climate of fear.

Excerpt from Computer-related Crime Act of B.E. 2550:

Section 14. If any person commits any offence of the following acts shall be subject to imprisonment for not more than five years or a fine of not more than one hundred thousand baht or both:

(2) that involves import to a computer system of false computer data in a manner that is likely to damage the country’s security or cause a public panic

Section 15. Any service provider intentionally supporting or consenting to an offence under Section 14 within a computer system under their control shall be subject to the same penalty as that imposed upon a person committing an offence under Section 14.

The current status of the cases:

  1. The case of Suwicha Thakor

    Suwicha, male, 34-year-old engineer, was arrested for violating Computer-related Crime Act and Section 112 of the Criminal Code in January 14, 2009. The Criminal court later considered Suwicha guilty and sentenced him to 20 years in jail but since he pleaded guilty so the punishment was reduced to 10 years. After the verdict, Suwicha decided not to appeal and intended to request for a royal pardon.

    However, as the state attorneys have requested the Criminal Court to extend the period of filing an appeal, which ended by May 3 to June 1, the case has not yet finished. The procedure of seeking royal pardon had to be suspended, consequently.

  2. The case of Chiranuch Premchaiyaporn

    Chiranuch, female, 42-year-old director and web moderator of the independent online-newspaper Prachatai, www.prachatai.com/webboard, was charged on March 6, 2009 under the Computer-related Crime Act Section 15. Her charges resulted from allowing comments deemed lese majeste to remain on the web board for more than the limited period, set by the police.

    Chiranuch, however, denied all allegations, insisting her innocence as she immediately removed the comments when she was instructed and has always collaborated with the police.

    The police now will submit the charges to the state attorneys and that Chiranuch has to report herself and get bail from the authority at the Office of the Attorney-General on Ratchadapisek road on June 1, 2009 at 2pm onward.

Thai Netizen Network considers the legal actions against these cases are very significant to the liberty of Internet citizens and Thai society. As a result, TNN would like to urge all netizens and the public to monitor the cases closely and carefully.

Also, TNN would like to urge the authorities concerned to treat the cases with careful consideration on the principles of human rights and humanity. As the cases are related to the right to hold opinion, political expression and press freedom, which are guaranteed under the Universal Declaration of Human Rights, these cases are distinctive from other ordinary criminal offences and that deserve careful treatment with the consideration of human rights.

26 May 2009

Thai Netizen Network (TNN)

http://thainetizen.org
freethainetizen AT gmail.com



--
We stand for cyber-liberty!


--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
Thai Netizen Network
http://thainetizen.org/

----
u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
post, email thainetizen@googlegroups.com
leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
info, http://groups.google.com/group/thainetizen
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---

รายการบล็อกของฉัน

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com