รายงานพิเศษ : กรมสวัสดิการ "เฟ้นหาสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ" | |
ที่มา | กรมประชาสัมพันธ์ |
|
http://www2.nesac.go.th/document/show12.php?did=09060003
Windows Live™: Keep your life in sync. Check it out!
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com
รายงานพิเศษ : กรมสวัสดิการ "เฟ้นหาสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ" | |
ที่มา | กรมประชาสัมพันธ์ |
|
------------------------------------------------------------ --- On Sat, 5/30/09, pan เจนศิริบุญญา <saipan_7@hotmail.com> wrote: From: pan เจนศิริบุญญา saipan_7@hotmail.com Date: Saturday, May 30, 2009, 5:25 AM
|
เสียใจหลังพ่ายได้อันดับสอง |
โฉมหน้ากลุ่มผู้ชนะเลิศ""ไดเวอร์ซิตี้" |
ผู้ผลิตรถแทบทุกค่าย ต่างพากันใส่เกียร์อัตโนมัติไว้ให้เป็นทางเลือกของลูกค้า ที่ใช้งานส่วนใหญ่ในเมืองที่มีสภาพการจราจรหนาแน่น ทำให้การขับขี่มีความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากเท้าซ้ายไม่ต้องคอยเหยียบครัชให้วุ่นวายอีกต่อไป เรามาดูวิธีการขับขี่เกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อเกียร์และกระเป๋าของท่านกันดีกว่าครับ
1)การขับรถเกียร์ออโต้โดยทั่วๆไป ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เทคนิคพิเศษแบบนักแข่งรถ ควรใช้เท้าขวาเพียงเท้าเดียวในการเหยียบคันเร่งเบรค ไม่ควรใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรค
2) สำหรับท่านที่เพิ่งจะเริ่มขับรถ พยายามเบรคด้วยเท้าขวาเท่านั้น และเหยียบเบรคทุกครั้งก่อนสตารท์รถ เพื่อป้องกันอันตรายถึงแม้ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ตำแหน่ง(P)หรือ(N)ก็ตาม และเหยียบเบรคทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ว่าง( N ) หรือเกียร์จอด (P) ไปเป็นเกียร์เดินหน้า (D) หรือเกียร์ถอยหลัง (R) จำไว้ให้ขึ้นใจครับ รถหยุดนิ่ง เหยียบเบรคก่อนทุกครั้งก่อนขยับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ครับ
3) ถ้าท่านเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่งเดินหน้า (D) ไปเป็นตำแหน่งถอยหลัง (R) หรือเปลี่ยนจากตำแหน่งถอยหลัง (R) ไปเป็นตำแหน่งเดินหน้า (D) ควรให้รถหยุดสนิทให้เรียบร้อยก่อน หลายท่านขับแบบใจร้อนและผิดวิธี รถยังคงเคลื่อนที่อยู่ก็รีบเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ จะทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้น อย่าลืมว่า ค่าซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ในรถยนต์บางรุ่นมีราคาสูงมาก
4) ขณะที่รถวิ่งอยู่ไม่ควรเข้าเกียร์ตำแหน่ง (N) เช่นเห็นไฟแดงข้างหน้าแต่ยังอีกไกล กลัวว่าจะไม่ประหยัดน้ำมัน ท่านจึงเข้าเกียร์ในตำแหน่ง (N) และปล่อยให้รถไหลไปจนถึงไฟแดง รถแทบทุกรุ่นในยุคปัจจุบันใช้ระบบหัวฉีดควบคุด้วยสมองกลที่ทันสมัย การจ่ายเชื้อเพลิงขึ้นตรงกับลิ้นปีกผีเสื้อ ถ้าท่านยกเท้าออกจากคันเร่งลิ้นปีกผีเสื้อก็จะปิดทันที เซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อจะรายงานกล่องสมองกลที่ควบคุมระบบการจ่ายเชื้อเพลิงให้หยุดทำการจ่ายน้ำมันทันที ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปลดเกียร์ว่าง (N) แต่อย่างใด และยังเป็นผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเกียรืของท่านอีกด้วย เนื่องจากรถยนต์ในขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว เกียร์ที่อยู่ในตำแหน่ง(D) จะมีปั้มแรงดันสูง ส่งน้ำมันเกียร์เข้าไปหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา
แต่ปั้มน้ำมันของเกียร์อัตโนมัติจะทำงานน้อยลงเมื่อเกียร์ อยู่ในตำแหน่ง (N) เมื่อไม่มีแรงดันที่พอเพียงจะดันน้ำมันไปหล่อลื่นเกียร์อย่างเพียงพอ จะทำให้เกียร์ออโต้ของท่านร้อน และเกิดการสึกหรอเสียหายตามมา และด้วยสาเหตุนี้เองเวลารถที่ใช้เกียร์ออโต้เสียและจำเป็นต้องลากไปอู่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มเข้าไปอีก เพื่อช่วยลดความร้อนของเกียร์ขณะที่ทำการลากจูง หรือถ้าหาน้ำมันเกียร์มาเติมไม่ได้ ควรยกให้ล้อที่ใช้ขับเคลื่อนให้ลอยพ้นพื้นถนนเนื่องจากระบบปั้มน้ำมันเพาว์เวอร์ของระบบเกียร์อัตโนมัติหยุดทำงาน ไม่แนะนำให้ถอดเพลาสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลังเพระยุ่งยากและเสียเวลามากครับ
ปัจจุบันนี้มีรถยก6ล้อแบบสไลด์ออนสามารถนำรถทั้งคันขึ้นไปไว้บนกระบะหลัง สะดวกสบายและปลอดภัยต่อเกียร์อัตโนมัติและรถยนต์ราคาแพงของท่านครับ
5) การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ 2 ต้องระมัดระวังเนื่องจากตำแหน่ง 2จะมีอัตตราทดเฉพาะเกียร์1และ2
ซึ่งบริษัทผู้ผลิตต้องการทำให้ท่านเจ้าของรถใช้งานในกรณีที่ต้องการแรงบิดมากๆเช่นทางขึ้นเนินที่ค่อนข้างชัน หรือต้องการการหน่วงความเร็วของรถเอาไว้เช่นในขณะที่ขับรถลงเนินเขา(ENGINE BRAKE) หรือวิ่งบนเส้นทางที่คดเคี้ยว ลาดชันมากๆ ห้ามใช้ตำแหน่งเกียร์2ในขณะที่ท่านขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องสูงตามไปด้วย จนเกินขีดจำกัดและก่อให้เกิดความเสียหาย และอาจลื่นไถลเนื่องจากเกิดแรงบิดมหาศาลมากระทำที่ล้อ ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ครับ
6) ไม่ควรขับลากเกียร์ โดยทั่วไปการขับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ที่ (D) ระบบสมองกลที่ควบคุมเกียร์จะทำการสั่งงานให้ปรับเปลี่ยนเกียรให้ขึ้นลงตามความเหมาะสมและความเร็วของรถอยู่ตลอดเวลา บางท่านรู้มากใช้วิธีเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์โดยการเลื่อนคันเกียร์ขึ้นลงเองในขณะที่รอบเครื่องทำงานสูงสุดเพียงเพื่อหวังผลทางด้านอัตราเร่งแต่จะมีผลทำให้ผ้าคลัทช์ และระบบทอกค์คอนเวอร์เตอร์เกิดการสึกหรอเสียหาย และทำให้มีอายุการใช้งานของเกียร์อัตโนมัติสั้นลง
7) ไม่ขับแบบเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเอง(คิกดาวน์)บ่อยๆ การขับในตำแหน่ง (D)ระบบสมองกลควบคุมเกียร์จะทำการคำนวนค่าของแรงต่างๆและปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ตามความเร็วของรถในขณะนั้นตลอดเวลาอยู่แล้ว การกดคันเร่งเพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำหรือที่เรียกว่าคิกดาวน์ ไม่ควรทำบ่อยครั้ง หรือทำเท่าที่จำเป็นในการเร่งแซงให้พ้นเท่านั้น ถ้าท่านทำบ่อยๆ ผ้าคลัทช์ของเกียร์จะทำงานหนักและสึกหรอเร็วมากขึ้นครับ
8) ควรมีสายพ่วงแบตตารี่ติดท้ายรถไว้ตลอดเวลา เนื่องจากรถยนต์เกียร์อัตโนมัติไม่สามารถเข็นด้วยความเร็วต่ำแล้วกระตุกสตารท์ให้ติดเครื่องยนต์ได้เหมือนรถยนต์เกียร์ธรรมดา การเข็นรถเกียร์อัตโนมัติแล้วใช้วิธีกระตุกสตารท์ ต้องใช้ความเร็วอย่างน้อย 20กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเข็นด้วยแรงคนเป็นไปได้ยาก และยังเสี่ยงกับความเสียหายต่อเกียร์ในขณะที่ทำการเข็นหรือลากอีกด้วย ควรตรวจสอบแบตตารี่ให้มีไฟพอเพียงต่อการสตารท์ทุกครั้งครับ
9) น้ำมันเกียร์อัตโนมัติหัวใจของการหล่อลื่นและยืดอายุการใช้งานของเกียร์รถท่านให้ยาวนาน จึงควรเอาใจใส่ตรวจสอบบ่อยๆ การตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าขีดที่ก้านวัดกำหนดหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางทีแนะนำ ไม่มีเกียร์อัตโนมัติใดไม่ต้องการการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งานของรถตามที่มีหลายๆบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โฆษณาชวนเชื่อให้รถยนต์ของตนดูทนทานและแข็งแรงตามความเป็นจริงจากสภาพการจราจร อุณภูมิ และสภาพการขับขี่ เกียร์อัตโนมัติทุกยี่ห้อยังต้องการการดูแลแปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่ใช้ครับ
10) ตำแหน่งในเกียร์อัตโมติ
P)PARKING-เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ใช้จอดในลักษณะเป็นที่เป็นทางไม่จอดขวางทางรถคันอื่นแล้วใส่ตำแหน่งเกียร์นี้ไว้
หรือจอดในทางที่มีลักษณะลาดชัน และใช้ในตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์
R) REVERSE-เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง เหยียบเบรคทุกครั้งที่จะเข้าเกียร์ในตำแหน่งนี้
N) NEUTRAL-เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้ในการตัดกำลังของเครื่องยนต์ที่ส่งลงมาสู่เกียร์ และใช้เป็นตำแหน่งสตารท์เครื่องยนต์
D) DRIVE-เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้าและใช้ในการขับขี่ตามปกติ
โดยตำแหน่งเกียร์จะปรับเปลี่ยนเองตามคำสั่งของสมองกลที่ควบคุม
ยกเว้นรถยนต์บางรุ่นที่มีสวิทช์ปรับเปลี่ยนระบบเกียร์และผู้ใช้เปิดสวิทช์เพื่อใช้งานในการปรับตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง
2) เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้า แต่จะมีอยู่แค่ เกียร์1และเกียร์2อยู่ในตำแหน่งนี้
ใช้เพื่อขับขึ้นลงทางที่มีเนินสูงชัน ทางที่คดเคี้ยวไปมา ที่ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้
1) LOW-เกียร์ในตำแหน่งนี้ มีเพียงเกียร์1 เท่านั้น ใช้สำหรับงานหนักที่ต้องการกำลัง หรือรถติดหล่ม หรือทางขึ้น ลงเขาที่ชันมาก
ขอให้สนุกกับการขับรถเกียร์อัตโนมัติทุกท่านครับ
M R. BLACK
ตระหนักถึงความเสมอภาค หวังลดช่องว่างและเกิดความเท่าเทียมทางสังคม เน้นปรับปรุงควบพัฒนาเว็บไซต์ให้ผู้พิการทางสายตาเข้าถึงได้ พร้อมผุด 10 ล้านบาท หนุนซอฟต์แวร์เพื่อผู้พิการ มอบศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน 40 แห่ง ทั่วประเทศ...
นายอังสุมาล ศุนาลัย รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา เรื่องก้าวทันโลก Web Accessibility TWCAG 2009 กับ MICT วานนี้(28พ.ค.) ว่า การจัดทำโครงการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วยไอซีที เพื่อผลักดันให้เกิดแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ที่เข้าถึงทุกคน ขณะเดียวกัน เล็งเห็นความสำคัญเรื่องสิทธิและความเสมอภาคที่เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดช่องว่างทางสังคม ทั้งนี้ ได้เพิ่มเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐให้ทุกคนเข้าถึงได้ รวมถึงรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้พิการ และผู้สูงอายุ โดยออกแบบเว็บไซต์เป็นสากล เรียกว่า ยูนิเวิร์ลซัล ดีไซน์ (Universal Design)
นางทรงพร โกมลสุรเดช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์มาก ทั้งการจัดทำแผนการพัฒนาสังคมแห่งความเท่าเทียมด้วยไอซีที พ.ศ.2551-2553 เพื่อลดช่องว่างการเข้าถึงองค์ความรู้ สารสนเทศ และการสื่อสาร และจัดทำแนวทางการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้
ผอ.สำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวต่อว่า การปรับปรุง Thai Web Content Accessibility Guidelines 2008 ให้เป็น Thai Web Content Accessibility Guidelines 2009 หรือ TWCAG 2009 เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทั้งนี้ ปี 2551 ที่ผ่านมา มีหน่วยงานภาครัฐ 3 ราย ประกอบด้วย สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดกิจกรรมสนับสนุน โดยเน้นการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ผู้พิการทางสายตาเข้าถึงได้ อันเป็นแนวทางพัฒนาสังคมให้เกิดความเท่าเทียม
นางสมศรี หอกันยา ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาคลังความรู้ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ปี 2552 กระทรวงไอซีที ให้งบประมาณดำเนินโครงการดังกล่าวจำนวน 5 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 กิจกรรม ได้แก่ อบรมผู้พัฒนาเว็บไซต์และผู้ด้อยโอกาส และจัดทำเว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐให้เป็นเว็บที่ทุกคนเข้าถึงได้ ขณะเดียวกัน สนับสนุนงบจำนวน 10 ล้านบาท พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อผู้พิการ แก่โครงการติดตั้งครุภัณฑ์สำหรับผู้พิการทางสายตาเพื่อมอบให้ศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน จำนวน 40 แห่งทั่วประเทศด้วย
http://www.thairath.co.th/content/tech/9244
|
ซูซาน บอยล์ |
ปิแอร์ มอร์แกน |
--- On Wed, 5/27/09, JeaB <kwanruthai@dpiap.org> wrote:
|
หลากมุมมองและวิสัยทัศน์ของบุคคลผู้มีสิทธิคัดเลือกกันเอง เป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 3 กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ | |
วันที่ 25 พฤษภาคม 2552 | |
อนุ กมธ. คนพิการ เรียกร้องรัฐบาล ปรับปรุงร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน
28 พ.ค. 52 - อนุกรรมาธิการด้านคนพิการ วุฒิสภา เรียกร้องรัฐบาล ปรับปรุงร่าง TOR โครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน เพื่อเอื้อประโยชนต่อคนทุกกลุ่ม และคนพิการให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พร้อมยืนยันหากข้อเสนอไม่ได้รับการตอบสนองจะขอคัดค้านอย่างถึงที่สุด
นายมณเฑียร บุญตัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านคนพิการ ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา เกี่ยวกับโครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คันตามนโยบายของรัฐบาล โดยเรียกร้องให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการปรับปรุงร่าง TOR 2 ประการ คือ
1.รถเมล์ต้องเป็นลักษณะรถโดยสารแบบชานต่ำ (low floor) ที่สามารถประกอบได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานที่ช่วยให้คนทุกกลุ่ม รวมทั้งคนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้
2.รถเมล์ทุกคันต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อคนทุกกลุ่มรวมทั้งคนพิการ ไม่เพียงเส้นทางละ 1 คันเท่านั้น เพราะไม่สามารถเอื้อต่อการเดินทางแต่อย่างใด ทางกรรมาธิการฯ จึงขอให้รัฐบาลทบทวนข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และเด็ก ซึ่งหากข้อเสนอดังกล่าวของกรรมาธิการไม่ได้รับการตอบสนองจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรัฐบาล ทางกรรมาธิการฯ จะขอคัดค้านการดำเนินการเช่ารถเมล์ NGV 4000 คัน อย่างถึงที่สุด
เรณู เขมาปัญญา / ผู้สื่อข่าว
เกรียงไกร หอมจันทร์เทศ / เรียบเรียง
http://www.parliament.go.th/php4/radio/temp/news7462.doc
|
การเมืองเพลาองศาเดือดไประดับหนึ่ง "ปัญหาเศรษฐกิจ" ก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาเป็นที่จับตาย่างก้าวการแก้ปัญหาของรัฐบาลปัจจุบัน ยิ่งมีกระแสรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ "กินเกาเหลา-ไม่กินเส้น" กัน กรณีนั้นกรณีนี้ อย่างเร็ว ๆ นี้ก็เรื่องข้าวโพด กระแสวิพากษ์ก็ยิ่งอึงมี่ ท่ามกลางศึกใหญ่ทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลยังโชว์ฝีมือสู้ได้ไม่ชัด... ท่ามกลาง "ศึกใหญ่" บางทีอาจต้องพึ่ง "ดวง" ด้วย ?? ทั้งนี้ หากจะลองตรวจ "ดวงรัฐมนตรีเศรษฐกิจ" รัฐบาลชุดนี้ ทาง อ.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตฯ บอกว่า... รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อตั้งรัฐบาล ก่อนตรุษจีนปี พ.ศ. 2552 มีรัฐมนตรีดวงดี 24 คน ดวงตก 12 คน ก็ไม่เท่าไหร่ พอเข้าตรุษจีนดวงดีเหลือ 19 คน ดวงตก 17 คน และพอช่วง เม.ย. ไปถึงต้นเดือน ก.ค. ดวงดีจะเหลือ 17 คน ดวงตก 19 คน ซึ่งรัฐบาลจะเจอศึกหนักจนอาจถึงขั้นคุมเกมไม่อยู่ สะดุดขาตัวเองล้มคว่ำคะมำหงาย และถ้าไม่มีการปรับ ครม. ถึงเดือน ต.ค. ดวงดีจะเหลือแค่ 12 คน ดวงตกถึง 24 คน นี่ยิ่งหนัก "รัฐบาลอาจพังได้ง่าย ๆ" แต่ถ้าผ่าน 3 ช่วงคือ เม.ย., ก.ค., ต.ค. ไปได้ โอกาสอยู่ครบเทอมก็มี ส่วนถ้าจะดูดวงและโหงวเฮ้งรัฐมนตรีเศรษฐกิจรายบุคคลโดยสรุป เริ่มจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อ.ภาณุวัฒน์บอกว่า... ปัจจุบันอายุ 45 ย่างขึ้น 46 ปี จุดเดินโหงวเฮ้งอยู่ที่เนินแก้มทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นจุดเดินของอำนาจที่ดี แต่รอบอายุเริ่มเข้าเคราะห์ตั้งแต่ 23 เม.ย.เป็นต้นมา ไปจนถึง 13 พ.ย. 2553 "ปี พ.ศ. 2552 นี้จะเหนื่อยและหนักมาก ๆ ถ้าไม่หาคนดวงดีมาช่วยเกื้อหนุนในการทำงาน" กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบันอายุ 60 ย่างขึ้น 61 ปี ถือว่าอายุเข้าเคราะห์ เช่นเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เกิดปีฉลูรอบเดียวกัน เพียงแต่จุดเดินอายุตามโหงวเฮ้งเดินอยู่ที่บริเวณริมฝีปากบน ยังพอใช้ได้ แต่ก็ "จะเจอปัญหาหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ" กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง อายุ 45 ย่างขึ้น 46 ปี พื้นฐานชะตาต้องต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคหนัก เพราะอายุเข้าเคราะห์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้จะหนักมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งตามโหงวเฮ้งหน้าผากกว้างสวย เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คิ้วสามเหลี่ยม โหนกคิ้วสูง มีความเก่ง ฉลาด แต่ปัจจุบันจุดเดินอายุที่โหนกแก้มนั้นกลาง ๆ ไม่โดดเด่น "จะดำเนินการสิ่งใดต้องมีความรอบคอบ ไตร่ตรองให้ดีสัก 2-3 ครั้งก่อนจะตัดสินใจ มิฉะนั้นอาจจะเกิดการผิดพลาดในการบริหารงาน จนทำให้ต้องไปแก้ไขปัญหาในภายหน้าไม่รู้จบไม่รู้สิ้น" ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ตามดวงชะตาเกิดมาดี มีคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือ ฉลาด เก่ง รู้จักปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมได้ดี แต่ปัจจุบันเจอปีฉลูที่ชงเป็นปรปักษ์กับปีมะแม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นธาตุดินที่เกื้อหนุน อายุไม่ได้เข้าเคราะห์ และจุดเดินอายุที่เนินปากสวย "จะยังคงสามารถฟันฝ่างานที่แสนหนักในปีนี้ไปได้ แต่จะไปหนักมาก ๆ ในปีหน้า พ.ศ. 2553 กลัวว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่หนักกว่าเดิม" พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ตามดวงชะตาปีเกิดกับวันเกิด เกื้อหนุนกัน เป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็ออกจะทิฐิ รั้น เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ชอบการมีเล่ห์เหลี่ยม อาจจะทำให้ต้องขัดแย้งกับความไม่ถูกต้อง ในปี พ.ศ. 2553 ทุกอย่างจะราบรื่น แต่ในปี พ.ศ. 2552 นี้ รอบอายุอยู่ในเคราะห์ ธาตุก็ข่มกัน "ต้องเหนื่อย ยุ่งวุ่นวาย อาจมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลง มีปัญหาหนัก ๆ อาจตัดสินใจผิดพลาดในการบริหาร ต้องรัดกุมให้มากกว่าปกติ" ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม ตามดวงเป็นคนใจอ่อนใจดี รู้จักปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ปัจจุบันรอบอายุก็ดี เพียงแต่ปีไม่เกื้อหนุน อีกทั้งเป็นปีมะโรงเช่นเดียวกับนายกฯ ส่วนจุดเดินอายุอยู่ที่ข้างแก้ม 2 ข้างก็ดี ไม่มีปัญหา "น่าจะดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ" ชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงที่หวังกันว่าจะนำรายได้ท่องเที่ยวมาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยได้ อ.ภาณุวัฒน์บอกว่า... ก็เป็นคนที่เชื่อมั่นตัวเองสูง แต่ปัจจุบันรอบอายุย่างเข้าเคราะห์ คือ 69 ปี เจอปีที่ไม่เกื้อหนุน แม้ธาตุเกื้อหนุนกัน แต่ก็ต้องมีอุปสรรคปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่ได้ดั่งใจ "ต้องมีความอดทนใจเย็นและไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ มิฉะนั้นจะมีปัญหาผูกพันให้ต้องแก้ไขในอนาคต" พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นี่ก็เป็นคนที่ทำอะไรมักมีคนเกื้อหนุนช่วยเหลือตลอด มีความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2551 รอบอายุเข้าเคราะห์ ต่อเนื่องมาจนถึงปี พ.ศ. 2552 นี้ จะไปพ้นเคราะห์ในช่วงปลายปี ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. เป็นต้นไป "ช่วงนี้จะยังมีปัญหาหนัก ๆ ให้ต้องแก้ไขอยู่ตลอดเวลา" อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ที่เพิ่งอื้ออึงเรื่องปราบละเมิดลิขสิทธิ์ รมต.เศรษฐกิจรายนี้ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตฯ ชี้ว่า... ตามดวงชะตาเป็นคนเก่ง ฉลาด มีวาทศิลป์ในการพูด รู้จักหลบหลีกปัญหาไม่ปะทะด้วยถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ พื้นฐานดวงชะตาก็สมพงศ์กันกับนายกฯ อภิสิทธิ์เป็นอย่างดี แต่ปี พ.ศ. 2552 นี้ รอบอายุเข้าเคราะห์อย่างต่อเนื่อง "ต้องอดทนใจเย็น และทำอะไรด้วยความรัดกุม สุขุมรอบคอบ มิฉะนั้นจะมีปัญหา" ทั้งนี้ อ.ภาณุวัฒน์บอกด้วยว่า... ได้เคยพยากรณ์อดีตนายกฯ ทักษิณไว้เมื่อต้นปี พ.ศ. 2550 ว่าไม่ควรรีบกลับมาเมืองไทย เพราะดวงชะตาจะยิ่งตกต่ำหนัก และเคยพยากรณ์รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เรื่องมีรัฐมนตรีดวงเข้าเคราะห์มาก ควรปรับเปลี่ยนมิฉะนั้นรัฐบาลจะมีปัญหา แล้วก็อย่างที่คนไทยทราบ ๆ กัน กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ อ.ภาณุวัฒน์ไม่ได้ชี้นำว่าแก้เศรษฐกิจได้-ไม่ได้ ส่วนกับคำพยากรณ์จะบ่งชี้ได้แค่ไหน...ก็สุดแท้แต่มุมมอง ?!?!?. |
ใบแจ้งข่าวเครือข่ายพลเมืองเน็ต
ตั้งแต่พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 ได้มีผู้ถูกดำเนินคดีจำนวนมาก หลายคดีส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในการบังคับใช้กฎหมายอย่างคลุมเครือขาด ความชัดเจน พลเมืองเน็ตตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความกลัว โดยเฉพาะการตีความโดยเจ้าหน้าที่รัฐในบทบัญญัติความผิด มาตรา 14 และ 15
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 (2) นำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจ สนับสนุน หรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
เครือข่ายพลเมืองเน็ต ขอแจ้งข่าวสารล่าสุดของสองคดีที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
คดีของสุวิชา ท่าค้อ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกจับและดำเนินคดี ภายใต้ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552 เนื่องจากการเผยแพร่เนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวผ่านสื่อออนไลน์ จากนั้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552 ศาลอาญาชั้นต้นได้ตัดสินโทษจำคุก 20 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคือ 10 ปี จากนั้นสุวิชาและครอบครัวเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษหลังจากครบกำหนดอุทธรณ์ 30 วัน (3 พ.ค.52) ซึ่งสุวิชาตัดสินใจไม่อุทธรณ์
ความคืบหน้าล่าสุด อัยการได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน (ถึง 1 มิ.ย. 52) จึง ทำให้ในขณะนี้ คดีของสุวิชาไม่สามารถดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษได้ ต้องรอผลการตัดสินใจของพนักงานอัยการก่อนว่าจะอุทธรณ์หรือไม่
คดีของจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการและผู้ดูแลเว็บบอร์ดของหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท http://www.prachatai.com/webboard ซึ่งถูกกองปราบปรามจับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552 ด้วยข้อกล่าวหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 เนื่อง เพราะไม่ได้ลบข้อความในเว็บบอร์ดที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายดังกล่าวภายในเกณฑ์ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ ในขณะที่จีรนุชได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องเพราะได้ลบข้อความดังกล่าวออกแล้วทันทีที่ได้รับแจ้งและได้ให้ความ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมายตลอดมา
ความคืบหน้าล่าสุด กองปราบปรามได้สรุปสำนวนทั้งหมดเพื่อส่งคดีดังกล่าวไปที่พนักงานอัยการ โดยได้นัดจีรนุชที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก เพื่อรายงานตัวและประกันตัวในชั้นอัยการในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป
เครือข่ายพลเมืองเน็ต เห็นว่าการดำเนินคดีทั้งสองคดีดังกล่าว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเน็ตและของสังคมไทยโดยรวม จึงขอให้พลเมืองเน็ตทุกท่านรวมถึงสาธารณะชนติดตามข่าวสารในกรณีเช่นนี้อย่าง ใกล้ชิด อีกทั้งขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทุกส่วนให้ความเป็นธรรมอย่างไม่ล่าช้า ต่อผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย บนพื้นฐานมนุษยธรรมที่รัฐพึงมีต่อพลเมือง เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกของพลเมืองและการทำงานของสื่อ หนังสือพิมพ์นั้นมีลักษณะสำคัญของการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองที่แตกต่าง จากการกระทำความผิดทางอาญาทั่วไป และได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล
26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://thainetizen.org
สอบถาม เสนอแนะ ได้ที่ freethainetizen AT gmail.com
Thai Netizen Network's Press Release:
On the Cases Related to Computer-Related Crime Act
There are several Internet users who have been charged for violating the Computer-related Crime Act of B.E. 2550 since it was enacted in June 18, 2007. Most charges are based on an obscure legislation that leads to unclear interpretation and implementation of the Act. Consequently, netizens are put into the climate of fear.
Excerpt from Computer-related Crime Act of B.E. 2550:
Section 14. If any person commits any offence of the following acts shall be subject to imprisonment for not more than five years or a fine of not more than one hundred thousand baht or both:
(2) that involves import to a computer system of false computer data in a manner that is likely to damage the country’s security or cause a public panic
Section 15. Any service provider intentionally supporting or consenting to an offence under Section 14 within a computer system under their control shall be subject to the same penalty as that imposed upon a person committing an offence under Section 14.
The current status of the cases:
The case of Suwicha Thakor
Suwicha, male, 34-year-old engineer, was arrested for violating Computer-related Crime Act and Section 112 of the Criminal Code in January 14, 2009. The Criminal court later considered Suwicha guilty and sentenced him to 20 years in jail but since he pleaded guilty so the punishment was reduced to 10 years. After the verdict, Suwicha decided not to appeal and intended to request for a royal pardon.
However, as the state attorneys have requested the Criminal Court to extend the period of filing an appeal, which ended by May 3 to June 1, the case has not yet finished. The procedure of seeking royal pardon had to be suspended, consequently.
The case of Chiranuch Premchaiyaporn
Chiranuch, female, 42-year-old director and web moderator of the independent online-newspaper Prachatai, www.prachatai.com/webboard, was charged on March 6, 2009 under the Computer-related Crime Act Section 15. Her charges resulted from allowing comments deemed lese majeste to remain on the web board for more than the limited period, set by the police.
Chiranuch, however, denied all allegations, insisting her innocence as she immediately removed the comments when she was instructed and has always collaborated with the police.
The police now will submit the charges to the state attorneys and that Chiranuch has to report herself and get bail from the authority at the Office of the Attorney-General on Ratchadapisek road on June 1, 2009 at 2pm onward.
Thai Netizen Network considers the legal actions against these cases are very significant to the liberty of Internet citizens and Thai society. As a result, TNN would like to urge all netizens and the public to monitor the cases closely and carefully.
Also, TNN would like to urge the authorities concerned to treat the cases with careful consideration on the principles of human rights and humanity. As the cases are related to the right to hold opinion, political expression and press freedom, which are guaranteed under the Universal Declaration of Human Rights, these cases are distinctive from other ordinary criminal offences and that deserve careful treatment with the consideration of human rights.
26 May 2009
Thai Netizen Network (TNN)
http://thainetizen.org
freethainetizen AT gmail.com
----
u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
post, email thainetizen@googlegroups.com
leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
info, http://groups.google.com/group/thainetizen
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---