ปุจฉา? คุณจะเรียกร้องความเป็นธรรมได้อย่างไร หากยังลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองไม่ได้
เสียงเรียกร้องของ "เหยื่อ" ผู้พิการซ้ำซ้อน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1256623298&grpid=no&catid=02 จากข่าวพาดหัว "ถูกข่มขืนจนท้อง สาวพิการ บอด-ใบ้ไร้ทางสู้" ใครได้ฟังข่าวนี้ก็มีแต่ความสลดใจ ว่าเหตุใดหนอชีวิตที่เกิดมาไม่สมประกอบแล้ว ยังถูกกระทำซ้ำเติมจาก "เดนมนุษย์" ให้รับเคราะห์กรรมเพิ่มขึ้นอีก และหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนจนกระทั่งทราบว่า ผู้ ลงมือกระทำล้วนแล้วแต่เป็นคนใกล้ชิดเหยื่อทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น หลานชายของแม่, แฟนพี่ชาย (เป็นคู่รักร่วมเพศของพี่ชาย) โดยมีพี่ชายแท้ๆ ยินยอมให้แฟนข่มขืนน้องสาวผู้พิการโดยไม่อิดออด ยิ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับผู้รับทราบเป็นอย่างยิ่ง จากกรณีนี้ องค์การคนพิการสากลประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (DPI/AP) จึงเกิดแนวคิดที่ว่า หากผู้เสียหายที่ถูกกระทำเป็นผู้พิการแล้ว ควรที่จะเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดมากขึ้นไปอีก เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำซ้ำเติมบุคคลที่ไร้ทางสู้ทั้งสภาพทางร่างกายและสติปัญญา เช่น การเพิ่มวรรคต่อไป ว่าถ้าผู้ใดข่มขืนหญิงอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงพิการ ผู้หญิงที่อยู่ในสถานะยากลำบากไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง ต้องได้รับโทษเป็น สองเท่า หรือมีการกำหนดให้การข่มขืนคนพิการต้องให้คดีเป็นของรัฐ และรัฐสามารถฟ้องแทนได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีบางกรณีที่ครอบครัวเหยื่อไม่ต้องการตกเป็นข่าวจึงปิดบังเรื่องเอาไว้ ในขณะเดียวกัน องค์การคนพิการสากลฯ ยังตำหนิสื่อว่าที่ ผ่านมามักจะเสนอข่าวลักษณะนี้ในเชิงการขายข่าวมากเกินไป มีการเลือกใช้ถ้อยคำที่สร้างความสะเทือนใจให้ผู้อ่าน บางครั้งก็ใช้คำซ้ำเติมเหยื่อ โดยไม่สนใจที่จะนำเสนอในมิติอื่นๆ เช่น เหตุที่มาที่ไป สภาพของครอบครัวเหยื่อที่รุมเร้า หรือหลังจากนี้ต่อไปชีวิตของผู้ถูกกระทำและครอบครัวจะเป็นอย่างไร ส่วนในแง่ภาคสังคมแล้ว ประเทศไทยยังขาดกลไก ทางเลือกในการสนับสนุนและให้ความรู้กับครอบครัวที่มีลูกพิการ เด็กพิการ และชุมชน ในประเด็นการพัฒนาการตามวัยอันสมควรซึ่งจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องเรียนรู้และ ฝึกหัดการวางแผน เช่น เด็กพิการควรได้รับการเรียนรู้การพัฒนาการด้านสรีระ และจิตใจเมื่อถึงวัยเปลี่ยนผ่าน จากประเด็นนี้ องค์การคนพิการสากลฯ จึงเสนอแนะว่าในส่วนภาครัฐควรสร้างกลไกเพื่อสนับสนุน การให้ความรู้และฝึกผู้หญิงพิการและผู้เกี่ยวข้องเรื่องประเด็นพัฒนาการ (Development issues) เช่น ศูนย์การส่งเสริมศักยภาพผู้หญิงพิการ โดยร่วมมือกับองค์กรคนพิการ และควรทำให้ปัญหาความรุนแรงและล่วงละเมิดทางเพศ เป็นวาระแห่งชาติ ส่วนเรื่องทางคดีนั้น เห็นว่าเจ้าหน้าที่ ตำรวจ พนักงานสืบสวนสอบสวนควรมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับองค์กรคนพิการ เช่น ร่วมกันจัดการอบรมเรื่องความเสมภาคคนพิการ เพื่อทบทวนทัศนคติต่อความพิการ กระบวนการยุติธรรมต้องมีกลไกทางเลือกเพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงพิการสามารถ เข้าถึงได้ ขั้นตอนการสืบสวน สอบสวน ต้องหยืดหยุ่น และคำนึงถึงสภาพความพิการ เช่น พนักงานสอบสวนสามารถเปลี่ยนจากบันทึกดูผู้ต้องหา มาเป็นบันทึกการคลำตัวและฟังเสียงผู้ต้องหา ในกรณีผู้เสียหายเป็นคนตาบอด คนพิการสามารถเป็นพยานให้กับตัวเองได้ เช่น หญิงพิการสติปัญญาถูกลวนลามทางเพศ และสามารถจดจำผู้กระทำได้ พนักงานสอบสวนต้องเปิดโอกาสให้ผู้เสียหายชี้แจง ในแง่ของสื่อสารมวลชนนั้น สื่อควรนำเสนอ ข้อมูลสองด้านเพื่อนำเสนอรากเหง้าของปัญหาและเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาร่วม กัน และเรียนรู้เรื่องความพิการ อบรมความเสมอภาคคนพิการ หากทั้งหมดนี้ทำได้จริง ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ช้าความยุติธรรมที่แม้แต่ตัวผู้เสียหายเองจะเรียก ร้องเพื่อตัวเองก็ไม่ได้นั้น ในที่สุดก็จะได้รับความเป็นธรรมคืนมาแน่นอน -- Web link http://www.edtguide.com/SuanplooThaiMassage_486629 http://www.victam.com/ http://www.cloudbookclub.com/about.htm http://weblogcamp2009.blogspot.com/ http://www.niwatkongpien.com/ http://sundara21.blogspot.com/ http://www.educationatclick.com/ http://www.pwdom.com/v1/ http://cloudbookclub.blogspot.com/ http://blogok09.blogspot.com/ http://thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2049 http://www.ias.chula.ac.th/Thai/modules.php?name=NuCalendar |