ประชาธรรม: ระวังกฎหมายลูก ม.190 ฉบับ ‘หมูจะหาม อย่าเอาคานเข้ามาสอด’
ธีรมล บัวงาม
สำนักข่าวประชาธรรม
มาตรา 190 ควรถูกเรียกว่าเป็นของแสลงทิ่มแทงอกของนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง นักลงทุน ที่มีอิทธิพลต่อการกำหนด ชี้ชะตา การเจรจาทางการค้า หรือการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ เพราะแม้เจตนารมณ์ของมาตรา 190 จะต้องการให้เกิดความโปร่งใส การตรวจสอบ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศนั้น แต่สำหรับ “กลุ่มอิทธิพลที่ทรงอำนาจทางสังคมและเศรษฐกิจ” ข้างต้นกลับมองว่าเนื้อหามาตรา 190 คืออุปสรรค เป็นเงื่อนไข “ไส้ติ่ง” ที่ควรจะตัดทิ้งเพื่อความสะดวกคล่องตัวในการเจรจา เหมือนอย่างที่เป็นมาเช่นอดีต
เริ่มจากการเปิดฉากสกัดกั้นกระบวนบรรจุเนื้อหาสาระของมาตรา 190 ในระหว่างการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาจนถึงความพยายามในการผลักดันร่างกฎหมายลูกอย่างร่าง พ.ร.บ.การจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามยังมีนักการเมือง นักธุรกิจ ภาคประชาสังคมจำนวนไม่มากนัก ที่สังเกตพบความไม่ชอบมาพากล และความพยายามบิดพลิ้วเจตนารมณ์ของความโปร่งใส การตรวจสอบได้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนไป
เบื้องลึกเร่งดัน พ.ร.บ.ฉบับรัฐบาล
จักรชัย โฉมทองดี นักวิจัยจากโครงการศึกษาและปฏิบัติการงานพัฒนา (โฟกัส) อธิบายให้เห็นว่าหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารประเทศก็มีดัชนีชี้วัดทางนโยบาย หรือทิศทางที่น่าเป็นห่วง อาทิ การเร่งเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการซ่อนรูปเพราะไม่อยู่ในถ้อยแถลงต่อรัฐสภา โดยการเร่งเปิดเสรีนี้ เห็นได้จากการเจรจาเอฟทีเอหลายฉบับที่ไม่มีการทบทวน แต่เร่งเดินหน้า จนหลายกรณีอาจจะมีการทำผิดหรือไม่ครบขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ
อย่างกรณีการเจรจาการค้าเสรีที่ไม่เป็นข่าวมากนัก แต่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น กับสหภาพยุโรป ซึ่งเดิมเป็นการเจรจาภายใต้กรอบอาเซียน-ยุโรป ที่มีความล่าช้า สหภาพยุโรปจึงพยายามเจรจาแบบแยกสลายกลุ่มอาเซียน ที่มีการรวมตัวกันและใช้อำนาจต่อรองกับสหภาพยุโรปมาโดยตลอด ด้วยการพยายามล็อบบี้ ซึ่งไทยก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่สหภาพยุโรปอยากให้แยกออกมาเจรจาในระดับทวิภาคี (การเจรจา 2 ฝ่าย)
นอกจากนี้ยังเห็นจากการผ่านมติ ครม.เรื่องร่างพ.ร.บ.การจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ประกอบมาตรา 190 ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดขั้นตอนวิธีการเจรจา ทำหนังสือสัญญาของรัฐบาลยังมีความเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด
จักรชัย ให้รายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ได้นำเอาร่างของรัฐบาลที่แล้วมาผ่านความเห็นชอบโดยไม่ได้มีการแก้ไข ซึ่งเมื่อศึกษาดู ชัดเจนว่าร่างมีปัญหาในหลายจุด ทั้งนี้ ในสมัยรัฐบาลสมชาย วงศสวัสดิ์ ได้มีมีมติครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.กำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา เรียกสั้นๆ ว่าเป็นกฎหมายประกอบมาตรา 190 ซึ่งเป็นมาตราที่มีความละเอียดอ่อนและสำคัญอย่างยิ่ง
“ครั้งนั้นเมื่อส่งไปยังรัฐสภา ฝ่ายนิติบัญญัติเห็นว่าร่างดังกล่าวมีปัญหาในหลายจุด จึงส่งกลับมาให้รัฐบาล ประกอบกับจังหวะที่รัฐบาลได้เปลี่ยนขั้วมาเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์ หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้คือ กรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้รับร่างกลับมาพิจารณา แต่สิ่งที่น่าห่วงคือแทนที่จะมีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงให้มีความรอบคอบรัดกุม แต่ปรากฏว่าได้มีการผลักดันโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้กลับเข้าสู่ ครม.อย่างเร่งรีบและชี้แจงว่า ครม.นั้นสมควรที่จะผ่านร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาโดยเร็วเนื่องจากรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องดำเนินการในเรื่องหนังสือสัญญาหลายฉบับ เท่าที่ทราบเข้าใจว่ารัฐบาลปัจจุบันก็มีความเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าเร่งและกลัวว่าหากไม่มีกฎหมายฉบับนี้จะไปเจรจาหรือทำเอฟทีเอจะเกิดความติดขัด จึงได้มีมติเห็นชอบนำร่างเข้าสู่สภาในที่สุด”
ดัน พ.ร.บ.กรุยทางเปิดเสรีการค้า?
จักรชัย กล่าวว่า เมื่อดูในตัวร่างพ.ร.บ.ของรัฐบาล จะพบจุดที่เป็นปัญหาใหญ่อยู่ 3 ประเด็น ประการแรกคือ มาตรา 190 และมาตรา 303 (3) กำหนดให้มีการจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รวมถึงต้องมีการศึกษาวิจัยด้วยความเป็นอิสระและเป็นกลาง ปรากฏว่าร่างที่กำลังจะถึงการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติในขณะนี้ กำหนดขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบการดำเนินการเจรจาเป็นผู้ดำเนินการเอง และสามารถทำเพียงการสื่อสารผ่านระบบสารสนเทศของหน่วยงานนั้นๆ พูดตรงๆ คือ แค่หน่วยงานเจรจาเปิดเว็บไซต์ มีช่องทางให้ประชาชนโพสต์ความคิดเห็นบนเว็บไซต์ของหน่วยงาน หรือส่งอีเมลเข้าไปก็ถือว่าเพียงพอตามร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว ซึ่งหลายฝ่ายมีความห่วงใยอย่างยิ่งยวด ว่าการดำเนินการในลักษณะนี้จะทำให้เกิดปัญหาอย่างแน่นอน และไม่สามารถแก้ไขปัญหาเดิมๆ ที่ผ่านมาได้ และจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้น เพราะสิ่งที่รัฐธรรมนูญพูดถึงการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง คงไม่ได้หมายความว่าเป็นการสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแน่นอน แต่ต้องเป็นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเป็นระยะหนึ่ง เพื่อให้มีการศึกษา มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น
ประการที่ 2 หน่วยงานที่จัดรับฟังความคิดเห็นและศึกษาวิจัย แทนที่จะเป็นหน่วยงานกลางที่มีความเป็นอิสระ ปรากฏว่าให้ความรับผิดชอบนั้นอยู่ภายใต้หน่วยงานที่รับผิดชอบการเจรจา ซึ่งมันน่าห่วงว่าจะมีความขัดแย้งกับเจตนารมณ์ และข้อความของรัฐธรรมนูญ
ประการที่ 3 เนื่องจาก รธน. มาตรา 190ในวรรค 2 มีข้อกำหนดเพิ่มเติมจาก รธน.ฉบับก่อนๆ ที่ผ่านมาว่า หนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมอย่างกว้างขวางจะต้องนำเข้าสู่สภาเพื่อให้ความเห็นชอบ หรือหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันการค้าการลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มักจะมีการกล่าวอ้างว่าการกำหนดอย่างนี้อาจจะเป็นปัญหาและสร้างความสับสน เพราะไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าหนังสือสัญญาใดมีผลกระทบอย่างกว้างขวางหรือไม่ หรือหนังสือจะส่งผลผูกพันอย่างไร จุดนี้จะเอาอะไรเป็นเกณฑ์ชี้วัด ซึ่งจริงๆ ทางออกของรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ คือ เปิดให้กฎหมายประกอบฉบับนี้เองจะเป็นตัวช่วยในการกำหนดรายละเอียดว่าหนังสือสัญญาใดจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เช่น การเปิดเสรีทางการค้าหรือการลงทุน หากมีความผูกพันมากกว่าที่องค์การการค้าโลกกำหนด อาจถือว่ามีนัยสำคัญต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา เป็นต้น แต่ปรากฏว่าในร่างของรัฐบาลไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ใดๆ แต่ให้อำนาจนี้เป็นดุลพินิจของฝ่ายบริหาร (รัฐบาล) เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเอาหนังสือสัญญาใดเข้าสภาหรือไม่ โดยอ้างอิงจากข้อเสนอแนะจากกระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายของรัฐบาลก็เปิดช่องเพียงเล็กน้อยว่า เมื่อคณะรัฐมนตรีใช้ดุลพินิจว่าจะเอาเข้าสภาหรือไม่ ก็ให้มีกลไกที่ส่งความคิดเห็นของคณะรัฐมนตรีให้สภาพิจารณาในเวลา 15 วัน ถ้าสภาไม่ท้วงติงภายใน 15 วันก็มีนัยว่าให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการได้ทันที จุดนี้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ระยะเวลา 15 วันค่อนข้างสั้น หรือหากจะให้รัฐสภาพิจารณาอยู่แล้วทำไมไม่ส่งให้ทำอย่างเป็นทางการภายใต้ พ.ร.บ.ที่กำหนด และถ้าสภาไม่ขัดแย้งอะไรแต่ปรากฏว่ามีสมาชิกสภากลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วยแล้วไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ 190 วรรคสุดท้าย (เข้าชื่อ 1 ใน 10 เข้าชื่อ) ก็จะมีปัญหาไม่สิ้นสุด
“ยกตัวอย่างกรณีเขาพระวิหารที่จะมีคนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ฟ้องศาลปกครอง การกำหนดเช่นนี้แทนที่จะทำให้การเจรจาของรัฐบาลมีความคล่องตัว มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นตามที่รัฐบาลมุ่งหวัง แต่ขอฟันธงว่ากฎหมายฉบับนี้จะทำให้รัฐบาลมีความสับสนและมีปัญหาในการเจรจามากขึ้นอย่างแน่นอน” จักรชัย กล่าวย้ำ
ด้านบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการโครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากร ตั้งข้อสังเกตว่า การเร่งรีบให้สภามีการพิจารณากฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญมาตรา 190 น่าจะมีเบื้องหลัง เพราะทราบมาว่ารัฐมนตรีต่างประเทศและตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่สบายใจที่ต้องเร่ง เข้าใจว่าหนึ่ง น่าจะได้รับการนำเสนอข้อมูลเพียงส่วนเดียวจากข้าราชการกระทรวงต่างประเทศว่าต้องเร่ง ประกอบกับความไม่พอใจของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่ไม่คุ้นชินกับการเปิดให้ฝ่ายนิติบัญญัติมามีส่วนร่วม ดังนั้น ร่างที่นำเสนอเข้าสภาของรัฐบาล จึงเป็นการดึงอำนาจกลับมาที่กระทรวงต่างประเทศ และประการสุดท้าย กระทรวงต่างประเทศอาจจะกลัวว่า หากไม่เร่ง ร่างกฎหมายฉบับเดียวกันที่ถูกยกร่างขึ้นมาโดยภาคประชาชนจะเข้าสู่สภาทัน จึงพยายามกันไว้ก่อน
“อย่างความตกลงอาเซียนที่ไปลงนามกันที่หัวหิน ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมา จำเป็นต้องนำเข้าผ่านรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 4 ซึ่งระบุชัดเจนว่า ตอนที่ไปลงนามยังไม่เกิดผลผูกพัน การผูกพันจะต้องให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและผ่านการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีใครได้เห็นหนังสือสัญญาดังกล่าว” ผู้อำนวยการโครงการยุทธศาสตร์นโยบายฐานทรัพยากร ทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนว่าชะตากรรมของกฎหมายฉบับนี้จะอยู่ในมือของตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในรัฐสภา แต่ความเคลื่อนไหวนอกสภาที่นำโดยกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอว็อทช์) ที่พยายามรวบรวมรายชื่อประชาชน 10,000 รายชื่อ เพื่อเสนอร่าง กม.ฉบับภาคประชาชน ก็น่าจับตามองไม่น้อย เพราะหากรวบรวมรายชื่อทั้งหมดได้ทันภายใน 2 – 3 สัปดาห์ข้างหน้าตามที่สมาชิกกลุ่มประกาศไว้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 5,953 รายชื่อ (อ้างอิงจาก www.ftawatch.org 11 มี.ค.2552) เราคงจะได้เห็นวิวาทะทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจที่น่าสนใจอีกครั้ง รวมถึงเป็นหน้าฉากที่เปิดโอกาสให้เห็นว่าเจตนาที่ซ่อนจริงของ “ผู้มีอำนาจทางสังคม” คืออะไรกันแน่
หมายเหตุจากประชาไท
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มี.ค. กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทซ์) ได้เดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อเข้ายื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 10,120 คน เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.การจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ พ.ศ. ... (ฉบับประชาชน) ต่อประธานรัฐสภา โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 5 ที่ บัญญัติให้ต้องมี พ.ร.บ.ขั้นตอน และวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา ซึ่งขณะนี้ร่างดังกล่าวได้อยู่ในระเบียบวาระแล้วส่วนจะชะลอออกไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม โดยกฎหมายที่ประชาชนเสนอนั้นจะใช้เวลาตรวจสอบความถูกต้องประมาณ 3-4 เดือน ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบความถูกต้องตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด (ยื่นชื่อ ปชช.กว่าหมื่นจี้สภาฯ ชะลอกม.หนังสือสัญญาระหว่าง ปท.)
http://www.prachatai.com/05web/th/home/16035
--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท วันที่ : 23/3/2552
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รายการบล็อกของฉัน
ผู้ติดตาม
คลังบทความของบล็อก
-
▼
2009
(278)
-
▼
มีนาคม
(75)
- มสพ. และ คสรท. ออกแถลงการณ์ต่อกรณีที่รั.ฐบาลไทยเลื...
- "หลังบ้าน" ไพฑูรย์ แก้วทอง โอนหุ้น 3 ตลบให้ "ลูกจ้...
- รับเช็ค 2,000 "ช็อป" ช่วยชาติธุรกิจแห่โหนกระแสแย่ง...
- ดูเทรนด์ จับเทรนด์ ตามเทรนด์ ถอดรหัสอุตสาหกรรมสิ่งทอ
- 4 โปรเจ็กต์เผือกร้อน ทอท. สุวรรณภูมิเฟส 2 การเมือง...
- 10 จังหวัดเสี่ยง มลพิษทางน้ำ
- Check it out
- ตามไปดู.."ยุววาณิช" ค่ายอาชีวะอินเตอร์ "ไทย-ลาว-กั...
- เสียงสะท้อนจากป่า เมื่อมรดกโลกกำลังถูกยึด
- ส่งต่อเจตนารมณ์ กรรมการสิทธิฯชุดใหม่
- นกยูงไชยา ลูกปัดปริศนาในป่ายางสมัยศรีวิชัย
- "จตุพร"ด่า"เนวิน"ดัดจริตรับไม่ได้แม้วโจมตีเปรม "จร...
- ปรับใหม่แผนแม่บทรถไฟฟ้า
- จากบ้านผาชันถึงสามพันโบก
- มองต่างมุม: พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปกป้องหรือคุกคาม?
- 30 มีนาคม 2552 เวลา 08.30 - 16.00 น. ณ ห้องประชุม...
- รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เตรียมตั้งคณะกรรมการวุฒิส...
- ส.ส.กรุงเทพมหานคร จี้กระทรวงคมนาคมแก้ปัญหาตลาดคลองเตย
- หน่วยงานราชการยังไม่เข้าใจบทบาทในการดำเนินงานของกอ...
- ส.ส.รังสิมา จี้รัฐใช้มาตรการเด็ดขาดกับตำรวจและทหาร...
- Open House Master of Science in Financial Enginee...
- วัน ศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2552 เวลา 9.00-12.00 น.ห้อง...
- วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552 เวลา 13.30 – 16.0...
- วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2552 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ...
- วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2552 เวลา 9.00 – 12.00 น. ห้...
- วันที่ 2 เมษายน 2552 เวลา 09.00-15.30 น. ณ ห้องเมจ...
- วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน 2552 เวลา 8.30 - 15.30 น...
- 25 เม.ย. 52 เวลา 14.15 น.สมาคมอัสสัมชัญ
- นักกฎหมายเสนอโมเดลปรับเล็ก-ใหญ่กฎหมายหมิ่นฯ กระทรว...
- ประชาธรรม: ระวังกฎหมายลูก ม.190 ฉบับ ‘หมูจะหาม อย่...
- เวทีอภิปรายกฏหมายหมิ่นฯ: สิทธิมนุษยชนกับความกลัวใน...
- เวทีอภิปรายกฎหมายหมิ่นฯ : นิธิ-เกษียร-ธงทอง-ทองใบ ...
- พิเชษฐ เมาลานนท์ : บทบาทตุลาการทางด้านลบที่ญี่ปุ่น
- วันที่ 25-27 มีนาคม 2552 ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร...
- วันพุธที่ 8 เมษายน 2552 ตั้งแต่เวลา 13.00 – 16.30 ...
- วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2552 เวลา 18.00-19.30 น. ณ ร...
- วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 เวลา 12.30 น. ...
- งานวันปรีดี ประจำปี 2552 11 พฤษภาคม 2552 ณ มหาวิทย...
- ประกาศรับผู้สนใจเสนอโครงการรณรงค์ป้องกันเอดส์
- วันที่ 6-15 เมษายน 2552 ค่ายเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้...
- วันที่ 30-31 พฤษภาคม 2552 เวลา 09.00-17.00 น. ณ เร...
- วันที่ 14 พฤษภาคม 2552 - 14 มิถุนายน 2552 เวลา 10:...
- วันที่ 1 – 5 เมษายน 2552 เวลา 10.00 – 20.00 น. รอย...
- 30-31 มีนาคม 2552 เวลา 8.00 น. – 17.00 น. ที่ ห้อง...
- วันที่ 28 มีนาคม 2552 เวลา 13:00 น. - 15:30 น. ห้อ...
- วันศุกร์ที่ 27 มีนาคมนี้ ตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไ...
- วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2552 ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอร์...
- วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2552 เวลา 08.30 -15....
- ส่งดิสคัฟเวอรีคราวนี้ นาซาว่า "สวยสุดๆ"
- บลายธ์เฉยไว้ ตุ๊กตาไทยขอโชว์บ้าง
- เทศกาลวัฒนธรรมเหยี่ยวเปิดม่านที่ซินเจียง
- Social Network สร้างได้
- ลับสมองประลองปัญญา..เพ่งพินิจ “บริดจ์” มีอะไรซ่อนอ...
- มาตรการห้ามจำหน่ายสุราช่วงสงกรานต์
- วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2552 เวลา 11.00 น.ณ ห้องร...
- เสาร์ที่ 28 มีนาคม 2552 เวลา 13.30-16.30น. ณ ห้องค...
- วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2552 เวลา 09.00-13.00 น. ณ บ...
- 26 มีนาคม 2552 เวลา 09.00 น. ณ ห้องคริสตัล โรงแรมพ...
- 25 มีนาคม 2552 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้อง บอลรูม 1...
- 25 มีนาคม 2552 เวลา 08.30 – 15.00 น. ณ ห้องประชุมก...
- อันตราย! ใน พ.ร.บ. ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
- ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่แล...
- เรื่อง ตั้งที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการยุติธรรมแ...
- วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2552 เวลา 8.30 – 12.00 น.ณ ห...
- “Energy for PRE Fair” **การสัมมนาผู้รับผิดชอบด้านพ...
- วันที่ 19 มีนาคม 2552 โรงแรมอิสติน กรุงเทพฯ
- วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน 2552-กันยายน 2552
- วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม 2552 ระหว่างเวลา 08.30 --...
- วันพุธที่ 25 มีนาคม 2552 เวลา 08.30 น. – 13.30 น. ...
- วันอังคารที่ 31 มีนาคม 2552 เวลา 08.00 – 16.30 น. ...
- แม่หญิง....ชวนฟังเพลง
- db วัดท่าม่วงเป็นที่หลบภัย 02.2009
- จับควาญช้างพา"พังสาลี" 2ปี 6เดือน เร่ขายอาหารกลางกรุง
- อีกหนึ่ง software ที่น่าสนใจของ GPS จาก Garmin
- คาราวะอาลัย นเรศ นโรปกรณ์
-
▼
มีนาคม
(75)
เกี่ยวกับฉัน

- sundara
- ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น