ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว/ FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com

"เชิญชวนทุกท่านร่วมสร้างสรรค์กฎหมายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน"

ฉันไม่ชอบกฎหมาย
Blognone
Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องเล่า...จากโลกเงียบ ของ"วัชรินทร์ จินะมุสิ" "เขาไม่อยากให้ใครมองเราว่ามีพ่อแม่เป็นใบ้"

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11496 มติชนรายวัน


เรื่องเล่า...จากโลกเงียบ ของ"วัชรินทร์ จินะมุสิ"


"เขาไม่อยากให้ใครมองเราว่ามีพ่อแม่เป็นใบ้"




เจอ หน้ากันไม่เท่าไหร่ วัชรินทร์ จินะมุสิ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในนาม แหม่ม เอเอฟ 1 ก็พูดจ๋อยๆ เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง ประหนึ่งว่ารู้จักกันมาเป็นปี

พูดเก่งนะนี่ เราแซว

เธอก็ว่า "ค่ะ" แล้วพูดต่อยิ้มๆ ว่า "เก่งที่สุดในบ้าน"

จากนั้นจึงเฉลยว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะบ้านอันประกอบด้วยพ่อ แม่ และเธอ มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่พูดได้

ใช่, เข้าใจไม่ผิด พ่อและแม่ของเธอเป็นผู้พิการทางหู จึงทั้งไม่ได้ยินและพูดไม่ได้

"สงสัยล่ะซิว่าแล้วแหม่มพูดได้ไง" ไม่ทันได้ถาม เธอก็ดักคอ แล้วก็เฉลยเสร็จสรรพว่า "เพราะตอนเด็กๆ มีญาติช่วยเลี้ยงค่ะ"

การเติบโตมากับพ่อแม่ที่พิเศษกว่าพ่อแม่คนอื่นๆ แหม่มว่าสำหรับเธอไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

"เรื่องที่พ่อแม่ไม่ได้ยินมันไม่ใช่เรื่องใหญ่จนทำให้เรารู้สึกเป็นปมด้อย"

แน่ นอนอาจมีความรู้สึกบ้างตอนยังเป็นเด็กเล็กมากๆ หากเมื่อค่อยโตขึ้นก็ค่อยๆ เข้าใจ ดังนั้นขณะที่บางคนอาจจะอายเวลาพาพ่อแม่ออกไปเจอคนอื่น แต่เธอ "ไม่เลย"

"เราลั้นลามาก"

กลับเป็นพ่อและแม่ด้วยซ้ำที่ระยะ หนึ่งในช่วงที่เธอเติบโตและเข้าเป็นสมาชิกเอเอฟ อะคาเดมี แฟนเทเชีย ใหม่ๆ ที่ทั้งคู่ดูจะอึดอัดเวลาต้องไปไหนมาไหนด้วย

"เขาไม่อยากให้ใครมอง เราว่ามีพ่อแม่เป็นใบ้ แต่แหม่มก็บอกให้เขาเป็นตัวของตัวเองนะแหละ แหม่มชอบที่พ่อกับแม่เป็นแบบนี้ ชอบที่เขาใช้ภาษามือกับเรา อย่าไปแคร์ แค่เราแฮปปี้ก็พอ"

นี่อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมีครอบครัวที่อบอุ่น และแม้จะไม่สามารถพูดคุยหยอกล้อกันได้อย่างพ่อแม่ลูกทั่วไป แต่ก็มีวิธีแสดงความรักต่อกันอย่างสม่ำเสมอ

"พวกเราจะโอเวอร์แอ๊คมาก" แหม่มบอกยิ้มๆ

การกอดกันของพวกเธอจึงเป็นเรื่องสามัญและทำบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน

และเพราะการแสดงออกที่ชัดเจนแบบนี้แหละ แหม่มถึงว่าในวันที่พ่อกับแม่ตัดสินใจแยกทางกัน เธอจึงเข้าใจ รับได้ และไม่เห็นเป็นปัญหา

"เรื่องที่เกิดขึ้นมันอาจจะเลวร้าย แต่อย่าไปจมอยู่กับมันนัก ไปเก็บมันมาคิดก็ช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องดีๆ ต่างหากที่เราควรเก็บเอาไว้"

ถามเธอว่า การเติบโตมาในครอบครัวลักษณะพิเศษนี้ เมื่อเทียบกับครอบครัวปกติทั่วไป มีอะไรที่แตกต่างบ้างไหม?

เธอนิ่ง คิดอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดยิ้มๆ ว่า ดูเหมือนสมาชิกครอบครัวเธอจำเป็นจะต้องเจอหน้ากันบ่อยกว่าสมาชิกครอบครัวปกติอื่นๆ

"พวก เราไม่สามารถบอกความรู้สึกผ่านทางมือถือ เลยต้องมาเจอกัน ซึ่งมันอาจจะทำให้ต้องเดินทางมากขึ้น ต้องเสียเวลามากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นหน้ากัน ได้สัมผัส แล้วการได้เจอหน้ากัน ความรู้สึกมันต่างจากการส่งข้อความหรือพูดผ่านมือถือนะ"

"ที่สำคัญคือมันอิ่ม" ท่าทางขณะที่บอกเล่า ดูแล้วเจ้าตัวมีความสุขเหลือเกิน

นอก จาก "อิ่ม" แล้ว แหม่มยังว่า ทุกครั้งที่ได้เจอ ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ ทั้งคู่เป็นต้องแนะนำทั้งในเรื่องคำสอน มุมมอง และประสบการณ์ชีวิต

"แม่ทำให้แหม่มรู้ว่าการให้ไม่ต้องหวังผลหรอก ให้ไปเถอะ ให้เท่าที่เราให้ได้"

เป็นการ "ทำให้รู้" แบบการสอนผ่านภาษามือ รวมไปถึงผ่านการปฏิบัติตนที่เธอเห็นผ่านสังคมของแม่และเพื่อนซึ่งเป็นผู้พิการทางหูด้วยกัน

"มัน อาจจะเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของพวกเขาก็ได้ สังเกตดูเวลาคนหูหนวกเขาเจอกัน ไม่รู้จักกันหรอก แต่เขาจะยิ้มให้กัน คุยกันด้วยภาษามือ ที่สำคัญคือเขามีน้ำใจแตกต่างจากคนปกตินะ คือคนพวกนี้เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมันทำให้แหม่มได้เรียนรู้"

เช่นเดียวกับเรื่องความพยายาม

"เคย มีคนพูดว่า พระเจ้าให้ความพยายามกับมนุษย์มา 100% แต่มนุษย์ใช้ไปไม่ถึง 30% นั่นคือสิ่งที่คนปกติอย่างเราๆ เป็นกัน คือรอคอยแต่โอกาส แต่กับคนที่เขาไม่ครบ 32 เขาพยายามมากกว่านั้น

"อย่างพ่อแม่แหม่ม เขาเลี้ยงแหม่มมาได้จนโตขนาดนี้ สอนให้แหม่มเข้าใจโลกและเข้มแข็ง และก็ยังมีพ่อแม่ที่เป็นใบ้คู่อื่นที่แหม่มรู้จักที่เขาสามารถเลี้ยงลูกให้ เติบโตมา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี"

ซึ่งเธอรู้สึกขอบคุณอยู่ทุกวัน

และ เพื่อแสดงความรู้สึก รวมถึงอยากบอกเล่าแง่มุมต่างๆ ที่ได้สัมผัส ตอนนี้เธอจึงกำลังซุ่มเขียนหนังสือ ชื่อ "เรื่องเล่าบนโลกเงียบ" เพื่อตอบโจทย์ในใจที่อยากทำอะไรสักอย่างให้พ่อกับแม่ และรวมไปถึงให้เพื่อนของพ่อและแม่

"แหม่มจะหยิบเอาตรงส่วนระหว่างโลก 2 ใบ ทั้งโลกที่เงียบของพ่อแม่ และโลกที่มีเสียงของแหม่มที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่มาเล่าให้คนอื่นฟัง"

เผื่อเรื่องเล่าบนโลกเงียบใบนั้นจะให้แง่คิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครๆ บ้าง


หน้า 24
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01ent01310852&sectionid=0105&day=2009-08-31

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://itceoclub.ning.com
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://www.thaihof.org
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://elibrary.nfe.go.th
http://www.logex.kmutt.ac.th
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://icann-ncuc.ning.com
http://www.webmaster.or.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com
http://pwdhutch3.blogspot.com
http://energygreenhealth.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รายการบล็อกของฉัน

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
ข่าวสาร ข้อมูล ทุกด้านต้องรับฟัง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ฟังข่าวสารเพียงฝ่ายเดียว ต้องรู้เท่าทันในการรับรู้ข่าวสารจากทุกแหล่งข่าว FACT - Freedom Against Censorship Thailand กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์แห่งประเทศไทย http://facthai.wordpress.com/ http://twitter.com/jiew ● ปรึกษาปัญหากฏหมาย ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ ปัญหาติดต่อราชการ ฟรี ● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล, ● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work สำนักพิมพ์ดาวหาง www.sanamluang.bloggang.com สนใจติดต่อสอบถาม workingmailhome@hotmail.com