Please visit my blog.Thank you so much.
http://www.sanamluang.bloggang.com
http://tham-manamai.blogspot.com
http://dbd-52.hi5.com
วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11431 มติชนรายวัน เรื่องเล่าจากลอนดอน คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 โดย ประสงค์ วิสุทธิ์ prasong_lert@yahoo.com กริ๊ง..................... เสียงสัญญาณเตือนไฟดังสนั่น ทำเอาสะดุ้งตื่นกลางดึก คุณวสันต์ เอกนุ่ม ผู้บริหารคดีธนาคารกรุงเทพ ซึ่งพักอยู่ห้องเดียวกันในชั้น 2 โรงแรมมิลเลเนียม ย่านถนนแฮร์ริงตัน การ์เดนส์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เดินไปเปิดกระตูห้องด้วยสีหน้างัวเงียเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ผมซึ่งอยู่ในอาการเดียวกันชะโงกหน้าดูทางหน้าต่างเพื่อดูว่า มีควันไฟหรือสิ่งบอกเหตุอันตรายใดๆ หรือไม่ ที่หน้าห้องปะหน้าคุณนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อยู่ในชุดนอนโผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์เช่นกัน เพียงอึดใจเดียวอธิบดีนครพร้อมด้วยคุณธีรพงศ์ จิระภาค รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็เร่งรีบลงไปที่ล็อบบี้โรงแรม ผมจึงชักชวนคุณวสันต์รีบลงไปด้านล่างเพื่อความปลอดภัยโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าสตางค์และพาสปอร์ตติดมือไปด้วย ที่ล็อบบี้พบแขกของโรงแรมอยู่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนคณะของเราซึ่งเป็นผู้เข้าอบรมผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่ 13 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 60-70 ชีวิต มีคนลงมาเพียง 6-7 คนเท่านั้น เมื่อรอดูสถานการณ์สักพักหนึ่งเห็นว่า ไม่มีเหตุที่จะเป็นอันตราย จึงกลับขึ้นไปนอนต่อด้วยความหงุดหงิด รุ่งเช้าสอบถามคณะของเราหลายคน บางคนได้ยินเสียงสัญญาณ แต่เห็นว่าไม่น่ามีอะไร จึงนอนต่อด้วยความง่วงเต็มที่ บางคนบอกว่า หลับสนิทไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า การฝึกฝนและเตรียมพร้อมทำให้ความตื่นตัวและเห็นความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของคนไทยและชาวต่างชาติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม สอบถามได้ความว่า เสียงสัญญาณเตือนไฟที่ดังขึ้นตอนตี 3 เศษเป็นเพราะมีชาวอินเดียซึ่งพักอยู่ชั้น 6 โรงแรมอ้างว่าจุดธูปเพื่อทำพิธีบางอย่าง ทำให้เครื่องจับควันไฟและความร้อนทำงาน คณะของเราเดินทางไปศึกษาดูงานในยุโรปและเข้าอบรมเกี่ยวกับระบบสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยน็อตติ้งแฮม โดยมีศาสตราจารย์เดวิด แฮร์ริส ชาวไอริช ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชน เป็นผู้บรรยาย ศาสตราจารย์แฮร์ริสเริ่มด้วยการบอกว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นเพิ่งหยิบยกมาพูดกันอย่างกว้างขวางเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น เป็นหลักการพื้นฐานของสังคมที่ดี, เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจเพราะทำให้กระบวนการต่างๆ ล่าช้า, เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์, เป็นแนวคิดของประเทศตะวันตกที่ใช้ในการขยายอิทธิพลไปยังประเทศในภูมิภาคอื่น, เป็นเรื่องที่ดี แต่ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม หลักสิทธิมนุษยชนมีอยู่ในศาสนาเกือบทุกศาสนา เช่น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการคุ้มครองผู้มาเยือนซึ่งมีการนำม่ใส่ไว้ในกฎหมายผู้ลี้ภัย ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกำหนดสิทธิที่มนุษย์ต้องมีอย่างสมบูรณ์คือ สิทธิในการมีชีวิต (แต่มีข้อยกเว้นของกฎหมายของบางประเทศที่จะลงโทษประหารชีวิตได้) สิทธิในที่จะไม่ตกเป็นทาส และถูกทรมานอย่างโหดร้าย แต่ก็มีมหาอำนาจบางประเทศพยายามอ้างว่า ในการทำสงครามกับการก่อการร้ายสามารถทรมานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังเสร็จภารกิจอย่างเป็นทางการมีโอกาสพบกับพี่อรรถพล วรรณนุรักษ์ หรือพวกที่คุ้นเคยกันเรียกว่า "น้าอัด" อดีตหัวหน้าแผนกไทย วิทยุบีบีซีซึ่งตั้งรกรากอยู่ที่ลอนดอนมานานกว่า 30 ปี ปัจจุบันเป็นพลเมืองอาวุโส รับบำนาญจากบีบีซี นอกจากจะพาเดินขึ้น-ลงรถไฟใต้ดินอย่างสนุกสนานหลายชั่วโมงแล้ว "น้าอัด" ยังเล่าให้ฟังว่า กลุ่มคนไทยที่อังกฤษได้รวมตัวกันเป็น "ชมรมดนตรีไทยแห่งสหราชอาณาจักรในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ซึ่งพระองค์พระราชทานเครื่องดนตรีไทยแก่ชมรมในช่วงก่อตั้ง วัตถุประสงค์ของชมรมนอกจากเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของไทยแล้ว ยังสอนดนตรีไทยให้แก่คนไทยในอังกฤษด้วยซึ่งทางสถานทูตไทยให้ความอนุเคราะห์ด้านสถานที่โดยเสียค่าเรียนปีละ 70 ปอนด์ ปัจจุบันทางชมรมมีโครงการที่จะทำซีดีเพลงพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพฯ จำนวน 10 บทเพลง (ได้รับพระราชานุญาตแล้ว) ในชื่อชุด "ไทยดำเนินดอย" เพื่อจำหน่ายนำรายได้มาเป็นทุนในการบำรุงกิจกรรมและเผยแพร่ดนตรีไทยในอังกฤษ แต่ยังขาดทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง ได้ฟังแล้วเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยรวม หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่พอมีกำลังน่าจะสนับสนุนได้ ผู้ที่ต้องสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวอาจติอต่อที่สถานทูตไทยในอังกฤษหรือคุณรงค์รุจา สีห์สุรไกร ประธานชรมรมได้ หน้า 2 http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01col01270652§ionid=0116&day=2009-06-27 |
See all the ways you can stay connected to friends and family
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น